อดีตผู้ก่อตั้งลาซาด้า ปั้น “CREA”แพลตฟอร์มเจาะตลาดธุรกิจออนไลน์

วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

อดีตผู้ก่อตั้งลาซาด้า ปั้น “CREA”แพลตฟอร์มเจาะตลาดธุรกิจออนไลน์


นาย อเล็กแซนดรอ บิสชินี หนึ่งในผู้ก่อตั้งของ CREA และอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ลาซาด้า ประเทศไทยและอินโดนีเซีย กล่าวว่า เราเป็นองค์กรอิสระผู้ดำเนินธุรกิจแบบ B2B เพื่อให้บริการแบบครบวงจร บุกโลกออนไลน์หรือดิจิตอลคอมเมิร์ซ ได้เปิดตัวธุรกิจอย่างเป็นทางการ เพื่อเจาะตลาดของธุรกิจออนไลน์ที่กำลังเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องในทวีปเอเชีย โดย CREA เป็นแพลตฟอร์มที่มุ่งเน้นผลักดันแบรนด์ผ่านดิจิตอล คอมเมิร์ซ ในการเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่บริโภคสื่อและข่าวสารบนโลกออนไลน์อย่างกลุ่ม มิลเลนเนียล และ เจเนอเรชั่น ซีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการนำเสนอบริการแบบครบวงจร สำหรับลูกค้าในการดำเนินงานผ่านช่องทางต่างๆ บนโลกดิจิตอล เช่น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไลน์ ลาซาด้า และ ช้อปปี้

แรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังการก่อตั้งบริษัท CREA สืบเนื่องมาจาก ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ค้าขายในระบบดิจิตอลคอมเมิร์ซ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากธุรกิจจำนวนมากเลือกที่จะเปลี่ยนจากการค้าขายแบบดั้งเดิม ไปสู่ระบบโซเชียลคอมเมิร์ซและอีคอมเมิร์ซ นอกจากนี้เศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตของประเทศไทยยังมีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงถึง 43 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2568 ดังนั้น CREA จึงตั้งเป้าหมายที่จะเกาะกระแสของการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในโลกดิจิตอลนี้ โดยการให้บริการแบบเจาะลึกถึงแก่นและครบวงจร ผ่านความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซของผู้ก่อตั้งทั้งสองท่าน ในการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกและช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในวงการดิจิตอลคอมเมิร์ซที่มีการแข่งขันสูง

นาย อเล็กแซนดรอ กล่าวต่อว่า CREA ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบันการเงินระดับโลก ผู้มองเห็นถึงโอกาสแห่งการเจริญเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของตลาดดิจิตอลคอมเมิร์ซ ผ่านประวัติการลงทุนล่าสุดในภูมิภาค เช่น Angel Capital Management (ACM), Picus Capital และ Founders Fund Pathfinder ซึ่งฐานนักลงทุนดังกล่าวนี้เปิดโอกาสให้บริษัท CREA สามารถเข้าถึงแบรนด์ต่างๆ พันธมิตรที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และบุคลากรที่มีคุณภาพจากทั่วโลก เพื่อที่จะสร้างพอร์ตโฟลิโอให้กับแบรนด์และมอบคุณภาพการบริการในมาตรฐานระดับโลก

สำหรับแผนดำเนินงานที่วางไว้ภายใน 12 เดือนข้างหน้านับจากนี้  เราจะให้ความสนใจไปที่อุตสาหกรรมความงามและเครื่องสำอางเป็นหลักในประเทศไทย เนื่องจากหมวดหมู่นี้มีแนวโน้มที่จะมีมูลค่าสูงขึ้นถึง 5.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีอัตราการเจริญเติบโตถึง 7.5% ต่อปี นอกจากนี้มากกว่า 1% ของ GDP ต่อหัวในประเทศไทยยังอยู่ในหมวดของอุตสาหกรรมความงามและเครื่องสำอาง ซึ่งเป็นจำนวนสูงกว่าสองเท่าของเกาหลี ทำให้ประเทศไทยจัดเป็นตลาดที่น่าดึงดูดที่สุดสำหรับแบรนด์สินค้าที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ ทั้งหมดนี้ ทำให้ CREA คาดหวังที่จะขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคภายในระยะเวลา 12-24 เดือนและพัฒนาพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ภายใต้การจัดการขององค์กรไปในเวลาเดียวกัน

ทั้งนี้ บริษัทวางแผนในการดำเนินงานภายใต้ 6 กลยุทธ์หลัก  ซึ่งประกอบไปด้วย 1. กลยุทธ์แบรนด์ออนไลน์: CREA ช่วยวางตำแหน่งแบรนด์บนดิจิตอลคอมเมิร์ซ  2. การดำเนินงานบนมาร์เกตเพลซ ของแต่ละแพลตฟอร์ม: CREA นำเสนอความรู้ในการดำเนินงานเชิงลึกและการทำงานของระบบต่างๆ เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ตรงกับเป้าหมายจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ 3. โซเชียลคอมเมิร์ซ: CREA นำเสนอโซลูชันที่สามารถต่อยอดได้ เพื่อการดำเนินการค้าขายโดยตรงกับผู้บริโภคบนโซเชียลมีเดีย ทั้งยังส่งเสริมการสื่อสารกันระหว่างแบรนด์และลูกค้า พร้อมเพิ่มผลตอบแทนการลงทุน 

4. บริการสร้างแบรนด์ และบริการเชิงสร้างสรรค์: CREA ช่วยสร้างและกำหนดเนื้อหาให้เข้ากับตลาดในแต่ละท้องที่สำหรับแพลตฟอร์มดิจิตอล ร่วมกับการใช้ผู้นำความคิดหลัก หรือว่า KOL (Key Opinion Leaders) ของเอเชีย เพื่อที่จะดึงดูดและชักชวนกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 5. ข้อมูลเชิงลึกจากสถิติ: CREA นำเสนอข้อมูลและสถิติเพื่อช่วยให้เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าจากแบรนด์ และคู่แข่งที่เกี่ยวข้องภายในหมวดหมู่สินค้าและบริการ เพื่อช่วยให้แบรนด์สามารถปรับเปลี่ยนได้ตรงตามจุดประสงค์ของแต่ละตลาด 6. การตลาดบนระบบดิจิตอล: CREA สามารถให้ผลตอบแทนการลงทุนที่เหนือกว่าได้จากการบริการแบบครบวงจร และเทคโนโลยีล้ำสมัย



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ