จากเจ้าของเต็นท์รถมือสอง ที่มียอดขายเดือนละหลายล้านบาท หันหน้าสู่ภาคเกษตรเต็มตัว เพราะปัญหาเดียวคือ เศรษฐกิจที่ฟืดเคือง คนไม่ใช้เงินเหมือนเมื่อก่อน ทำให้ในช่วง 5 ปี ธุรกิจรถมือสอง เริ่มซบเซา จนต้องหาอีพเสริม เพื่อฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจไปได้

แต่ด้วยต้นทุนเดิมที่สะสมมาในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น ด้วยการซื้อที่ดินใน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เพื่อทำไร่มันสำปะหลัง ไร่ข้าวโพด พืชเศรษฐกิจ ดั่งเช่นคนอื่น ทำให้ยังมีที่ทางพอให้ได้ตั้งหลักอยู่บ้าง

“ผมมาอยู่ที่วังน้ำเขียวได้ประมาณ 15 ปี แล้วซื้อที่ดินไว้ เพื่อทำไร่ บางส่วนก็ปล่อยให้เช่า เพราะเราไม่มีเวลาดูแล ว่างๆผมก็จะมาดูไร่ เมื่อมาบ่อยเข้า เพื่อนก็ถามทำไมไม่เอาผักปลอดสารวังน้ำเขียวมาฝากบ้าง ประกอบกับเป็นคนชอบทานผักปลอดสาร จึงคิดลองปลูกผักปลอดสารพิษดูบ้าง โดยศึกษาทางสื่อๆต่างๆและเลือกปลูกผักสลัดแทนที่จะปลูกผักอย่างอื่น” พยุงศักดิ์ กล่าว

แต่ใช่ว่าการเริ่มต้นที่ดูเหมือนพร้อม จะประสบความสำเร็จในทันทีทันใด เพราะการปลูกผักบนผืนดิน ที่ใช้สารเคมีมาตลอด 10 ปี นั่นเป็นสิ่งที่ท้าทาย การพักฟื้นที่ดินกว่า 5 ไร่ไม่เพียงพอสำหรับการปลูกพืชแบบอินทรีย์ ทำให้ผลผลิตที่ออกมานั้น “เสียมากกว่าได้”

นอกจากนี้แล้วยังต้องเผชิญกับกลไกตลาดที่ผันผวน เพราะฤดูหนาว ผลผลิตจะออกสู่ตลาดมาก ส่วนช่วงฤดูฝนผลผลิตน้อยทำให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ด้วยประสบการณ์ที่เคยอยู่กรุงเทพฯ ทำให้พอรู้ช่องทางตลาด จึงต้องเน้นการตลาดเชิงรุก ที่เข้าหาผู้บริโภค โดยเน้นกลุ่มพนักงานบริษัท ตามออฟฟิศต่างๆ ย่านสีลม ธนาคารไทยพานิชย์ สำนักงานใหญ่ เป็นต้น

“พอเรารู้ตลาดเป็นอย่างไรแล้ว ในช่วง 2-3 ปี มานี้ยอดขายเราก็เพิ่มขึ้น จากเดิมที่เคยส่งสัปดาห์ละ 40-50 กิโลกรัม ปัจจุบันขยายเป็น 300- 400 กิโลกรมต่อสัปดาห์ ซึ่งยังไม่เพียงต่อความต้องการของลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าประจำ”เจ้าของสวนผักอินทรีย์ กล่าว

สำหรับในพื้นที่ 5 ไร่ ที่คุณพยูงศักดิ์ ใช้เป็นพื้นที่ปลูกผักสลัดเมืองหนาวนั้น มีผักหลายชนิดที่ปลูก อาทิ คอส เบบี้คอส บัตเตอร์เฮด กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค ฟินเรย์ เป็นต้น

การดูแลผักสลัดเมืองหนาวเหล่านี้ ขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยากนัก ต้องคอยกำจัดวัชพืช ไล่แมลงที่จะเข้ามากินผักด้วยสารจากธรรมชาติ ทั้งน้ำส้มควันไม้ สารจากสะเดา ใช้ปุ๋ยหมักที่ได้จากเศษผักที่เหลือทิ้งมาเป็นอาหารเสริมให้ผักสลัด

“เราเน้นทำแบบอินทรีย์ ฉะนั้นจะมีผักส่วนหนึ่งเสียหายจากโรคและแมลง ประมาณร้อยละ 20 ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของการทำผักอินทรีย์”คุณพยูง กล่าว

นอกจากมูลค่าทางเศรษฐกิจหลายแสนบาทต่อเดือน คุณทางจิตใจและร่างกายก็ได้กลับคืนมา

“เดิมผมอยู่กรุงเทพฯก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ใช้ชีวิตแบบคนเมือง ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองสักเท่าไหร่ แต่พอมาปลูกผักที่วังน้ำเขียว ร่างกายผมเปลี่ยนไปเยอะ รู้สึกว่า ร่างกายแข็งแรงขึ้น ไม่เหนื่อยง่าย เพราะได้รับอากาศบริสุทธิ์ ได้รับประทานผักปลอดสารพิษ ทำให้ทุกวันเลิกกิจการเต็นท์รถมือสอง มุ่งปลูกผักสลัดขายอย่างเดียว”

ความสุขนี้ไม่ได้แค่เจ้าของสวน แต่คนงานทุกคนที่ทำงานต่างได้ชีวิตใหม่กลับมา เพราะทุกคนต่างเคยเป็นแรงงานไร่มันสำปะหลัง ไร่ข้าวโพด ที่ไม่ปฏิเสธการใช้สารเคมี ทำให้ร่างกายบางคนเริ่มอ่อนล้าและล้มป่วย แต่เมื่อเลิกใช้สารเคมี เพียงปีเดียวร่างกายก็ฟื้นกลับมาแข็งแรง แถมยังมีรายได้ต่อเดือนที่มากกว่า

“ที่นี้ผมจะให้ค่าแรงแบบทำมากได้มาก ไม่มีค่าแรงขั้นต่ำ เพราะเราถือว่าทุกคนเป็นคนในครอบครัว ผมมีคนงานอยู่ 4-5 คน ช่วยกันทำงาน ผมก็ทำ เขาก็ทำ ใครทำมากก็ได้มาก บางคนมีรายต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นบาท ไม่ต้องเสี่ยงกับสารเคมี ไม่เร่งรีบ เหนื่อยก็พัก หิวก็กิน มีความสุขครับ”

ใครที่สนใจอยากศึกษาการปลูกผักสลัดเมืองหนาว แบบอินทรีย์ สามารถติดต่อโดยตรงกับคุณพยูงศักดิ์ ทวีกันย์ โทร 098-482-3698