สัมพันธ์ไทย-ลาวแน่นปึก! NEDA เปิดถนนสายใหม่ “เมืองหงสา-บ้านเชียงแมน” วิ่งเมืองคู่แฝด “น่าน-หลวงพระบาง” แค่ 3 ชม.

วันอังคารที่ 02 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

สัมพันธ์ไทย-ลาวแน่นปึก! NEDA เปิดถนนสายใหม่ “เมืองหงสา-บ้านเชียงแมน” วิ่งเมืองคู่แฝด “น่าน-หลวงพระบาง” แค่ 3 ชม.


สัมพันธ์ไทย-ลาวแน่นปึก! NEDA เปิดถนนสายใหม่ “เมืองหงสา-บ้านเชียงแมน” วิ่งระหว่างเมืองคู่แฝด “น่าน-หลวงพระบาง” แค่ 3 ชม. สนับสนุนการท่องเที่ยวไทยสู่เมืองมรดกโลกคึกคัก ผู้นำสปป.ลาว ชื่นชม ถนนสายนี้สร้างมูลค่าการค้า การลงทุน ทั้งด้านคมนาคมขนส่ง และรถโดยสารเพิ่มมากขึ้น

นายพีรเมศร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน)(สพพ.) หรือ NEDA เปิดเผยว่า หลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้ สพพ. ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางเงินแก่สปป.ลาว เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2557 ซึ่งโครงการที่กล่าวนี้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การให้ความช่วยเหลือทางการเงินของประเทศไทยแก่ประเทศเพื่อนบ้านในด้านการเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่ง และการท่องเที่ยว โดยจะเชื่อมโยงจากประเทศไทย (จ.น่าน) ไปสู่เมืองหลวงพระบาง (ด่านห้วยโก๋น จ.น่าน-เมืองเงิน-เมืองหงสา-บ้านเชียงแมน เมืองจอมเพชร แขวงหลวงพระบาง) เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวมีระยะทางสั้นที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับเส้นทางอื่น

นอกจากนี้ ถนนดังกล่าวสามารถเชื่อมโยงจากหลวงพระบางต่อไปยังประเทศจีน โดยผ่านถนนหมายเลข 3 และต่อไปยังประเทศเวียดนาม โดยถนนหมายเลข 4 ได้ ดังนั้น การพัฒนาเมืองคู่แฝดจังหวัดน่าน-หลวงพระบาง จะทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี สามารถเดินทางติดต่อได้สะดวกรวดเร็ว มีการกระจายรายได้ท้องถิ่นในพื้นที่เชื่อมโยง รวมถึงส่งเสริมภาคธุรกิจและการท่องเที่ยว เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งงานก่อสร้างถนนโครงการหงสาฯ อยู่ในพื้นที่การปกครองของ 2 แขวงด้วยกัน คือ แขวงไชยะบุรี และ แขวงหลวงพระบาง โดยมีจุดเริ่มต้นที่บริเวณบ้านนาปุง เมืองหงสา แขวงไชยะบุรี และสิ้นสุดโครงการที่บ้านเชียงแมน เมืองจอมเพชร แขวงหลวงพระบาง ระยะทางรวม 114 กิโลเมตร ในวงเงิน 1,977 ล้านบาท เส้นทางสายนี้จะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจากด่านห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ที่เชื่อมต่อไปยังหลวงพระบาง โดยสามารถเดินทางด้วยระยะเวลาเพียง 3 ชม. จากเดิมที่ใช้เวลามากกว่า 5-6 ชม.

ล่าสุด สพพ.ได้ทำการเปิดใช้เส้นทางถนนสายใหม่ดังกล่าว เพื่อเป็นการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมระหว่างประเทศไทยและสปป.ลาว โดยมีจุดเริ่มต้นโครงการที่จุดผ่านแดนห้วย โก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน เพื่อและมีจุดสิ้นสุดที่เมืองหลวงพระบาง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกและจะเป็นการส่งเสริมยุทธศาสตร์การเป็นเมืองคู่แฝดระหว่าง จ.น่าน และแขวงหลวงพระบาง อีกทั้งเพิ่มศักยภาพการเชื่อมโยงโครงข่ายถนนใน สปป.ลาวให้การเดินทางจากไทยไปยังกรุงฮานอยประเทศเวียดนาม ผ่านถนนหมายเลข 4 และ 6 ดังนั้นจึงคาดว่าเส้นทางแห่งนี้จะสามารถกระตุ้นยอดนักท่องเที่ยวได้ ของไทยและสปป.ลาว 10-20% อีกทั้งยังดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ อาทิ ชาวจีน ชาวเวียดนามและชาวยุโรป

“เส้นทางนี้แล้วเสร็จตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน 2562 ที่ผ่านมา และทยอยเปิดใช้ไปบ้างแล้ว สำหรับเส้นทางดังกล่าวจะเป็นการลดระยะเวลาเดินทางได้ 50% จาก จ.น่าน-เมืองหลวงพระบาง จากเดิม 9 ชม.เหลือเพียง 5 ชม. หรือใช้เวลาจากด่านชายแดนห้วยโก๊น จ.น่าน ไปยังเมืองหลวงพระบางเพียง 3 ชม. เป็นถนนราดยาง 2 ช่องจราจร พร้อมระบบป้องกันความปลอดภัย อาทิ ไม้กั้นตามแนวทางโค้ง รวมถึงทางลาดชันที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย”

สำหรับการลงทุนนั้น สพพ. ให้วงเงินช่วยเหลือ 1,977 ล้านบาท ซึ่งแยกเป็นเงินกู้ 1,581.60 ล้านบาท หรือ 80% ของวงเงินทั้งหมด โดยปลอดหนี้ 10 ปี ดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี ส่วนอีก 395.40 ล้านบาท เป็นเงินให้เปล่า ซึ่งการให้ความช่วยเหลือครั้งนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องใช้สินค้าและบริการจากประเทศไทยไม่น้อยกว่า 50% ของมูลค่าสัญญา

ด้าน นายแพง ดวงเงิน (Mr.Pheng Douangngeun) อธิบดีกรมขัวทาง (Department of roads) กระทรวงโยธาธิการและขนส่ง (Ministry of Public works and transport) กล่าวว่า เส้นทางนี้จะส่งเสริมการท่องเที่ยวและประชาชนได้ใช้ประโยชน์จริง ยินดีที่ได้รับความสนับสนุนจากประเทศไทยในการพัฒนาถนนสายนี้ เพราะประชาชนมีความต้องการมานานแล้ว จากเดิมที่การสัญจรยากลำบาก อีกทั้งยังสามารถเปิดจุดท่องเที่ยวใหม่ได้ตามเส้นทาง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติซึ่งถือเป็นจุดแข็งของ สปป.ลาว

ขณะที่ นายวงสะหวัน เทพพะจัน รองเจ้าแขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว กล่าวว่า ตั้งแต่หลวงพระบางได้รับเป็นเมืองมรดกโลก ส่งผลให้เกิดการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ในปัจจุบันชาวจีนครองอันดับ 1 ที่นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวหลวงพระบาง หลังจากเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย อย่างไรก็ตาม เมื่อมีถนนเส้นทางดังกล่าวนั้น จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการสัญจร รวมทั้งทำให้การเดินทางมีความสะดวกสบาย ตลอดจนมีการค้า การลงทุน ทั้งด้านคมนาคมขนส่ง และรถโดยสารเพิ่มมากขึ้น และมีระยะทางการเชื่อมโยงระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม เพียงแค่ 600 กิโลเมตร ซึ่งจะเป็นดีต่อทั้ง 3 ประเทศในอนาคตอย่างแน่นอน



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ