ในโลกที่เทคโนโลยีปั่นป่วน  พร้อมท้าทายผู้ประกอบการร้านค้าในโลกจริง และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าออนไลน์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันแล้ว จนทำให้การทำธุรกิจแบบเดิมๆ ไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป แถมยังมีคู่แข่งผุดขึ้นมาในตลาดมากมาย เมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทางรอดของธุรกิจคือการปรับตัวเพื่อให้ทันกับเทรนด์และความต้องการของผู้บริโภค มาหาคำตอบกันว่าจะปรับธุรกิจให้ไปต่อในยุคดิจิทัลอย่างไร

โดย นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ  บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด (นีโอ) ในฐานะผู้จัดงาน e-Biz & OEM Manufacturer 2019 ได้ให้ข้อมูลผู้ประกอบการปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทาย ดังนี้

1. ถึงเวลา Digital Transformation แล้ว!  :  เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้พฤติกรรมของผู้บริภาคเปลี่ยนไปมาก จากเดิมถ้าหิวต้องเดินทางไปซื้อหรือใช้บริการเดลิเวอรี่ของทางร้าน ซึ่งถ้าร้านไหนไม่มีบริการก็อด แต่ปัจจุบันมี แอพพลิเคชั่นที่สามารถสั่งอาหารจากร้านไหนก็ได้ ให้มาส่งถึงหน้าประตูบ้านแค่เพียงปลายนิ้ว ซึ่งเป็นธุรกิจกลุ่มโลจิสติกส์ที่สามารถผสมผสานเข้ากับดิจิทัลแพลตฟอร์มได้อย่างลงตัวและประสบความสำเร็จอย่างเด่นชัด แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ถ้าธุรกิจไหนไม่เปลี่ยนตาม ก็จะหายไปจากตลาดในไม่ช้า แถมธุรกิจที่ปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลแล้วยังมีผลกำไรที่เพิ่มขึ้นด้วย

2.หลักการพลิกธุรกิจก้าวสู่ Digital Business : ชัดในวิสัยทัศน์โลกดิจิทัล ก่อนเริ่มต้นการเปลี่ยนธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล ผู้นำของธุรกิจจะต้องมองเห็นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลง และมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่าอยากจะอยู่ตรงไหนของตลาดในยุคดิจิทัล เพื่อการเดินที่แน่วแน่ไม่หลงทาง รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้มีความรู้ในด้านดิจิทัล เพราะจะเป็นกำลังหลักในการบริหารธุรกิจให้ทันยุคดิจิทัล ทั้งการเข้าใจเกี่ยวกับดิจิทัลและการเลือกใช้เครื่องมือดิจิทัลได้อย่างเหมาะสม เช่น Big Data, Block Chain, AI เป็นต้น  

นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล  กล่าวต่อว่า เริ่มด้วยสื่อสารให้ตรงจุดแต่รอบด้าน การสื่อสารในที่นี้หมายถึงการส่งสารที่ต้องการให้กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจรับรู้ ยิ่งในยุคที่ข้อมูลมีมากมายจนล้น ถ้าสื่อสารแบบไม่เจาะจง จะทำให้การสื่อสารไร้ผล เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้น้อย ดังนั้นต้องใช้ดิจิทัลให้เป็นประโยชน์ในการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษาพฤติกรรมจาก Big Data ที่มีอยู่มากมายและมุ่งสื่อสารให้ตรงกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายเปิดรับในทุกช่องทางของโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นการสร้างช่องทางให้ได้พบกับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ต่อมาที่ พัฒนาสินค้าให้ตรงใจอยู่เสมอ ผู้บริโภคในยุคดิจิทัลมีความต้องการหลากหลาย และแตกต่างออกไปในแต่ละช่วงอายุและความชื่นชอบ ผู้ประกอบการร้านค้าจึงต้องไม่หยุดที่จะพัฒนาสินค้าและบริการให้สามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ให้ตรงใจ โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงลึกจาก Big Data ที่เก็บข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภคและกระแสตอบรับจากช่องทางออนไลน์ของธุรกิจกิจที่มี เพื่อพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการได้มากกว่าคู่แข่ง

ปิดท้าย ผสานธุรกิจให้ไร้รอยต่อ การทำธุรกิจในยุคดิจิทัล ไม่ใช่การทิ้งช่องทางออฟไลน์แล้วสนใจออนไลน์อย่างเดียว แต่เป็นการผสานทั้ง 2 สิ่งเข้าด้วยกัน ด้วยโมเดล O2O ใช้ออนไลน์ในการเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายและสร้างช่องทางการสั่งซื้อสินค้าที่สะดวกสบาย พร้อมกับการใช้หน้าร้านหรือพันธมิตรในการกระจายสินค้า จัดส่งสินค้า และรับประกันสินค้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและมั่นใจในแบรนด์สินค้าด้วย