กลุ่มโตเกียวมารีนปรับทัพเสริมความแข็งแกร่ง

วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2562

กลุ่มโตเกียวมารีนปรับทัพเสริมความแข็งแกร่ง


กลุ่มโตเกียวมารีนประกาศแต่งตั้ง  มร.โนโบรุ ยามากาตะ (Mr. Noboru Yamagata) ดำรงตำแหน่ง กรรมการบริหาร โตเกียวมารีน โฮลดิ้ง ดูแลธุรกิจภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งประเทศจีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา และ มร.ซาลูน ธรรม (Mr. Saloon Tham)  ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โตเกียวมารีน เอเชีย เมื่อเดือนเมษายนของปีนี้เช่นกัน  โดยมีหน้าที่ความรับผิดชอบดูแลธุรกิจในภูมิภาคเอเชียทั้งหมดของโตเกียวมารีนกรุ๊ป

มร.โนโบรุ ยามากาตะ เข้าร่วมงานกับโตเกียวมารีนตั้งแต่ปี 2528 มีประสบการณ์การทำงานในเอเชีย โดยดำรงตำแหน่ง First Vice President ของโตเกียวมารีน มารายัน อินชัวรันส์ (Tokio Marine Malayan Insurance) ประเทศฟิลิปปินส์ และมีประสบการณ์ด้านการดูแลงานด้านต่างประเทศหลายโครงการ รวมถึงโครงการก่อตั้งธุรกิจในตะวันออกกลางและแอฟริกา

“ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้กลับมาดูแลธุรกิจในภูมิภาคที่ผมรัก เพราะการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งกว่าที่ผ่านมา ในระยะยาวเราเชื่อว่าจะเป็นภูมิภาคที่มีโอกาสในการเติบโตมากที่สุด เมื่อปี 2545 กลุ่มโตเกียวมารีนมีสัดส่วนผลกำไรที่ได้มาจากธุรกิจประกันภัยต่างประเทศ 3% แต่ผลจากการส่งเสริมการขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างแข็งแกร่งด้วยกลยุทธ์ M&A คาดว่าในปี 2562 สัดส่วนผลกำไรจากธุรกิจประกันภัยต่างประเทศจะเติบโตขึ้นเกือบถึง 50% โดยกลุ่มโตเกียวมารีนมี 3 กลยุทธ์หลักที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจคือ 1.การกระจายธุรกิจ โดยคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนผลกำไรจากธุรกิจประกันภัยต่างประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่เป็น 20% ดังจะเห็นได้จาก การประกาศเรื่องการซื้อบริษัทประกันวินาศภัยของไทยและอินโดนีเซียจาก  Insurance Australia Group หรือ IAG  เมื่อปีที่แล้ว น่าจะทำให้ได้เห็นถึงความคาดหวังและพันธสัญญาอย่างหนักแน่นของกลุ่มโตเกียวมารีนที่มีต่อภูมิภาคเอเชีย 2.การปฏิรูปโครงสร้างธุรกิจโดยนำเทคโนโลยีมาใช้  โดยได้ก่อตั้งห้องปฏิบัติการโตเกียวมารีน อินโนเวชั่น แล็ป 3 แห่งคือ ที่โตเกียว, ซิลิคอนวัลเล่ย์, และสิงคโปร์ และการลงทุนร่วมกับธุรกิจ Start up ระดับสากล 3.การสร้างความแข็งแกร่งในการบริหารระดับกลุ่ม ที่เราจะแสดงศักยภาพจากการรวมกลุ่ม ผ่านองค์ประกอบอย่าง Core identity หรือการสร้างพื้นฐานการบริหารจัดการระดับสากล โดยทั้ง 3 กลยุทธ์ดังกล่าวนี้ จะทำให้โตเกียวมารีนเติบโตตามเป้าหมายที่คาดไว้” มร.โนโบรุ กล่าว

มร.ซาลูน ธรรม เข้ามาร่วมงานกับโตเกียวมารีน เอเชีย ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา และได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลธุรกิจในภูมิภาคเอเชียทั้งหมด โดย มร.ซาลูน มีประสบการณ์ด้านประกันชีวิตมากว่า  30 ปี และมีประสบการณ์ในการทำงานต่างประเทศในหลากหลายประเทศ เช่น แคนาดา สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และประเทศไทย

“ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ดูแลธุรกิจเอเชียทั้งหมดของโตเกียวมารีน กรุ๊ป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมเห็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ในตลาดประกันชีวิตไทย ที่ผมเชื่อว่าเราจะสามารถใช้ประโยชน์จากความรู้และทักษะที่ได้สั่งสมมาจากการทำธุรกิจในประเทศญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ เพื่อเอาชนะความท้าทายของสังคมผู้สูงอายุที่เกิดขึ้น ผมขอย้ำว่าประเทศไทยถูกวางให้เป็นหนึ่งในตลาดที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 1 ของโตเกียวมารีนกรุ๊ป และเราจะทำทุกวิถีทางในการสนับสนุนการเติบโตของ โตเกียวมารีนประกันชีวิต ประเทศไทย” มร.ซาลูน กล่าว

มร.ชิน ทานิโมโต กรรมการผู้จัดการ  บมจ. โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) เผยผลประกอบการบริษัทปี 2561 มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 6,708 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 1,596  ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับปีต่ออายุ 5,113 ล้านบาท บรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ โดยมีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวม 9% เมื่อเทียบกับผลประกอบการปี 2560 โดยมีสัดส่วนการขายหลักมาจากช่องทางการขายผ่านตัวแทนประกันชีวิต ประกันกลุ่ม และช่องทางอื่นๆ ตามลำดับ สำหรับ ในปี 2562 บริษัทตั้งเป้าหมาย เบี้ยประกันภัยรับรวม 7,471 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวม 11% แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 1,70 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับปีต่ออายุ 5,771 บาท จนถึงเดือนพฤษภาคมปี 2562 บริษัทมีผลผลิตเบี้ยประกันภัยรับรวม 3,013 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวม 40% เมื่อเทียบกับพฤษภาคมปี 2561

“กลยุทธ์ในการบริหารของเราที่เป็นแกนหลัก คือ “การส่งเสริมการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง” และ “การบริหารความเสี่ยงระดับองค์กรอย่างเข้มแข็ง” ซึ่งในปี 2562 นี้ เรากำหนดให้เป็นปีแห่งการเติบโต โดยมี 3 แกนหลักของกลยุทธ์ ที่จะส่งเสริมการเติบโตนี้คือ  1. เพิ่มความแข็งแกร่งของช่องทางการขายปัจจุบันโดยเฉพาะในช่องทางตัวแทน ซึ่งต้องขอบคุณคุณสมโพชน์ เป็นอย่างมากที่สามารถดูแลช่องทางการขายนี้ให้เติบโตต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานาน 2. เพิ่มความหลากหลายของช่องทางการขาย และ 3. สร้างปฏิบัติการที่เป็นเลิศโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยร่วมมือกับ Digital Lab ที่ตั้งอยู่ในหลายภูมิภาคโดยเฉพาะสิงค์โปร์ตามที่คุณซาลูนได้กล่าวไว้ เพื่อนำเทคโลยีมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการอำนวยความสะดวกรวดเร็วให้กับลูกค้าในประเทศไทย” มร.ชิน กล่าว

นายสมโพชน์ เกียรติไกรวัล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) เผยผลประกอบการช่องทางตัวแทนจนถึงพฤษภาคม 2562 มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 752 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 182%  (โดยแบ่งออกเป็นเบี้ยประกันภัยสามัญ 358 ล้านบาท เติบโต 42%  และเบี้ยประกันภัยรับชำระครั้งเดียว (Single Premium) 394 ล้านบาท เติบโต 2469%)  และเบี้ยประกันภัยรับปีต่ออายุ 1,178  ล้านบาท รวมเบี้ยประกันภัยรับรวม 1,930 ล้านบาท เติบโต 47% โดยในปี 2562 ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 1,250 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อ 4,113  ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับรวม 5,363 ล้านบาท และเพิ่มจำนวนตัวแทนเป็น 4,300 คน

“สำหรับช่องทางตัวแทนในปีนี้มีอัตราการเติบโตที่ดีมาก โดยปัจจัยที่นำมาซึ่งความสำเร็จมีหลายองค์ประกอบ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ ความแข็งแกร่งของสถานภาพทางการเงินของบริษัท ที่เป็นปัจจัยในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า เพราะกรมธรรม์ประกันชีวิต เป็นพันธสัญญาระยะยาวที่บริษัทจะต้องส่งมอบผลประโยชน์กับลูกค้าให้ครบตามข้อกำหนดในสัญญา  จากรายงานสถานะทางการเงินของบริษัท ณ สิ้นปี 2561 จะพบว่าบริษัทมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย  (CAR) 745%  ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐานขั้นต่ำที่กำหนดไว้ 140% เรามีการควบคุมค่าใช้จ่ายและการบริหารจัดการที่ดี ที่ทำให้ลูกค้าได้รับผลิตภัณฑ์ที่ดี โครงสร้างผลตอบแทนของตัวแทนเป็นที่น่าพอใจ และบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน จากรายงานตัวเลขในงบกำไรขาดทุนปี 2561 จะพบว่าปัจจุบันบริษัทมีกำไรสะสมจำนวน 949 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 24,344 ล้านบาท

ในส่วน ผลิตภัณฑ์ ของโตเกียวมารีนประกันชีวิตมีความโดดเด่น และหลากหลายครอบคลุมทุกประเภททั้ง คุ้มครองตลอดชีพ สะสมทรัพย์ และบำนาญ นอกจากนี้ยังมีสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ อุบัติเหตุ โรคร้ายแรง และอื่น ๆ ครบครันตามความต้องการของลูกค้า โดยทุกผลิตภัณฑ์มีการการันตีผลตอบแทน การฝึกอบรมพัฒนาตัวแทน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของความสำเร็จ การเสริมสร้างทักษะความรู้ในการเข้าพบลูกค้าเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ ที่สอดรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และการให้ข้อมูลที่ครบถ้วนชัดเจนตรงไปตรงมา ที่ผ่านมาเรามุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพและคุณภาพของตัวแทน ด้วยการสร้างตัวแทนที่มีความเป็นมืออาชีพ ดังจะเห็นได้จากการมีตัวแทนได้รับรางวัลตัวแทนคุณภาพดีเด่นแห่งชาติ (TNQA) เพิ่มมากขึ้นทุกปี ในปีนี้เรามีจำนวนตัวแทนยอดเยี่ยมแห่งชาติ (NAA) สูงถึง 15 คน รวมถึง อันดับ 1 และอันดับ 2 ของรางวัลตัวแทนยอดเยี่ยมแห่งชาติ เป็นตัวแทนจากโตเกียวมารีนประกันชีวิต นอกจากนี้เรายังมีตัวแทนที่มีคุณสมบัติ MDRT 66 ท่าน  COT 6 ท่าน และ TOT 4 ท่าน”

นายสมโพชน์ กล่าวต่อว่า “ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บมจ. โตเกียวมารีนประกันชีวิต ประเทศไทย เข้ารับรางวัล Good Company Global Awards จาก Mr. Tsuyoshi Nagano President and Group CEO, Tokio Marine Holdings ณ สำนักงานใหญ่ อาคารโตเกียวมารีน นิชิโดะ ฮอนกัน กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น  ในโครงการ Streamlining the Claim Process to Support our Customers การพัฒนาระบบเคลม ที่ช่วยย่นระยะเวลาให้การเคลมของลูกค้าทำได้อย่างรวดเร็วเพียง 8 - 30 นาที โดยรางวัลนี้เป็นหนึ่งในผลการทำงานที่สะท้อนให้เห็นถึงการสอดรับนโยบายของการสร้างบริษัทให้เป็น Good Company ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้ว่ากลุ่มโตเกียวมารีน มุ่งมั่นและจริงจังในการเสริมสร้าง พัฒนาสังคมไทยให้มั่นคง และเราจะรักษาพันธสัญญาที่ได้ให้ไว้กับลูกค้า ด้วยการส่งมอบบริการที่มีคุณภาพสูง นั่นคือหลักประกันความมั่นคง อุ่นใจในชีวิตสืบต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืน”



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ