นายกฤษณพน ปฏิมาวิรุจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เดลี่ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมข้นหวานภายใต้แบรนด์พาเลซ กล่าวว่า ภายหลังจากที่แบรนด์ “พาเลซ” ได้ทำการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดในช่วงปี 2561 ที่ผ่าน ด้วยการ “รีเฟรชแบรนด์” ทั้งการปรับโฉมผลิตภัณฑ์ในส่วนของ B2C ให้เป็นหลอดบีบ การเพิ่มผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่ พร้อมการดึง “โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร” มาร่วมเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เจาะกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ทำให้ยอดขายในปีดังกล่าวเป็นไปตามเป้าที่วางไว้คือ 20% หรือประมาณ 2,400 ล้านบาท ของตลาดนมข้นหวานและนมข้นจืด

สำหรับภาพรวมของตลาดนมข้นหวานและนมข้นจืดในปี 2562 ยังคงมีมูลค่าการตลาดเท่าเดิม ประมาณ 10,000 – 12,000 ล้านบาท เพราะกลุ่มผู้บริโภคยังคงเป็นคนกลุ่มเดิม ดังนั้น แผนการตลาดในปีนี้ของแบรนด์ “พาเลซ” จะมุ่งไปที่การดึงส่วนแบ่งในตลาดมาให้ได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มคนรุ่นใหม่

โดยแผนการตลาดในปีนี้ บริษัทฯ ได้ทุ่มง[กว่า 100 ล้านบาท เพื่อปรับลุคใหม่ให้กับแบรนด์พาเลซ ภายใต้ยุทธศาสตร์ “3P” ได้แก่ “Product” (ผลิตภัณฑ์) เริ่มจากการปรับดีไซน์บรรจุภัณฑ์ใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เป็นมากกว่าความหวาน” ปรับโลโก้ให้มีความเรียบง่าย ลดรายละเอียดที่ซับซ้อนเพิ่มความเท่และความทันสมัยในทุกรูปแบบผลิตภัณฑ์ทั้ง หลอดบีบ กระป๋อง และถุง รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คาดว่าในช่วงปลายปีนี้  ต่อมาคือ “Promote” (การสื่อสาร) บริษัทฯ จะใช้รูปแบบการสื่อสารหรือการโปรโมทภายใต้กลยุทธ์ “Music Marketing” ผ่านนักร้องหนุ่ม “โต๋- ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร” ซึ่งเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ พร้อมจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การจัดคอนเสิร์ต “MORE THAN SWEET CONCERT” รวมถึงกิจกรรมโรดโชว์ไปตามโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตลอดทั้งปี พร้อมทั้งโปรโมทผ่านช่องทางต่างๆ  อย่างเช่น การโฆษณาผ่านสื่อหลัก ทั้ง โทรทัศน์ จอแอลอีดี สื่อเคลื่อนที่ รวมไปถึงการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ และการทำกิจกรรมทางการตลาด

สุดท้ายคือ “Place” (สถานที่จัดจำหน่าย) ทางบริษัทฯ ได้เตรียมขยายช่องทางการจัดจำหน่าย โดยแบ่งออกเป็น “กลุ่ม B2B” ที่มีสัดส่วน 70% ด้วยการจำหน่ายผ่านผู้แทนจำหน่ายรายใหญ่ทั้ง 77 จังหวัด พร้อมทั้งได้วางทีมตัวแทนจำหน่ายของบริษัทฯ ลงพื้นที่กระจายสินค้าทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า โฮเรก้า ทั้งธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และคาเฟ่เปิดใหม่ รวมถึงการจัดทำโปรโมชั่นพิเศษสำหรับกลุ่มลูกค้าดังกล่าวโดยเฉพาะ ส่วน “กลุ่ม B2C” ที่มีสัดส่วน 30% ในปีที่ผ่านมาได้เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทุกช่องทาง ทั้ง กลุ่มร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าในสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งในปีนี้จะมุ่งขยายการเปิดร้านในออนไลน์ เพื่อดักกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชอบสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์

นายกฤษณพน กล่าวทิ้งท้ายว่า “บริษัทฯ คาดว่าจากการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การตลาดครั้งนี้จะส่งผลให้แบรนด์พาเลซเป็นที่รู้จักในกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น พร้อมกันนี้บริษัทฯ หวังว่าจะได้ครองส่วนแบ่งทางการตลาดในช่วงสิ้นปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 25% หรือคิดเป็นรายได้รวมกว่า 3,000 ล้านบาท”