นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไชส์ จำกัด ผู้บริหารร้าน “เถ้าแก่น้อยแลนด์” กล่าวว่า จากแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างที่เราได้ทราบกัน ส่งผลให้ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ อัตรานักท่องเที่ยวมาไทยลดตัวลงราว 10% แต่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสำหรับไทยและสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างมากในอนาคต อีกทั้ง เราได้เปิดเถ้าแก่น้อยแลนด์ไปเมื่อปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นร้านของฝากที่มีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นนักท่องเที่ยว ดังนั้น เพื่อเป็นกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจดังกล่าวในช่วงสภาวะนักท่องเที่ยวหดตัวลง ประกอบกับ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายพอร์ตธุรกิจธุรกิจฟู้ดรีเทลมากขึ้น ภายในแผนการดำเนินธุรกิจกลุ่มเรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไชส์
ล่าสุด บริษัทได้สิทธิ์เป็นผู้บริหารหรือเอ็กซ์คลูซีฟแฟรนไชส์ร้านข้าวแกงกะหรี่ “ฮิโนยะ เคอรี่” (Hinoya Curry) ในประเทศไทย ซึ่งโดดเด่นด้วยคอนเซปท์ “แกงมิดข้าว” กับแกงกะหรี่สูตรพิเศษที่สืบทอดกันมา 3 เจนเนอเรชั่น ภายใต้สโลแกน “ข้าวแกงกะหรี่ ดีกรีแชมป์” โดยประเดิมเปิดสาขาแรกที่เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ถ.ราชดำริ ย่านประตูน้ำ ตั้งแต่กลางเดือนก.พ.ที่ผ่านมา และถือเป็นสาขาแรกนอกญี่ปุ่น ด้วยพื้นที่ 80 ตร.ม. รองรับลูกค้าได้ 45 ที่นั่ง ใช้งบลงทุนราว 4-5 ล้านบาท ภายในร้านมีเมนูข้าวแกงกะหรี่หน้าต่างๆ ให้เลือกเกือบ 30 รายการ ในขนาด S M และ L มีราคาเริ่มต้นที่ 140 บาท
“ช่วงที่ผ่านมาพบว่า ร้านฮิโนยะ เคอรี่ สาขาแรกได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มียอดขาย 700-800 จานต่อวันสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 300 จานต่อวัน และมีแผนขยายสาขาไม่ต่ำกว่า 10 สาขาภายใน 2 ปี ด้วยรายได้กว่า 100 ล้านบาท โดยประเดิมการขยายสาขา ด้วยการเปิดสาขาที่สองที่ชั้น 2 Cosmo plaza เมืองทองธานี วันที่ 29 พค.ที่จะถึงนี้ พร้อมเดินหน้าขยายสาขาให้ได้ 100 สาขาภายใน 10 ปี ในรูปแบบรับประทานในร้าน (Dine in) บริการนำกลับบ้าน (Take Aways) และบริการส่งถึงบ้าน (Delivery) ทั้งนี้ธุรกิจประเภทดังกล่าวมีระยะเวลาคืนทุนเฉลี่ยประมาณ 2 ปี”
สำหรับตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทยมีมูลค่าตลาดรวม 22,000 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมามีการเติบโตร้อยละ 15% โดยพบว่ามีผู้ประกอบการใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก ขณะเดียวกันพบว่า มีร้านอาหารญี่ปุ่นประเภทใหม่ๆ เกิดขึ้นมาก ไม่ว่าเป็นร้านราเมง ร้านซูชิ ร้านทงคัตสึ รวมถึงร้านข้าวแกงกะหรี่ แต่พบว่าในธุรกิจร้านข้าวแกงกะหรี่มีการแข่งขันที่ไม่รุนแรงมากนัก จากผู้ประกอบการที่น้อยราย ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคหันมาบริโภคข้าวแกงกะหรี่มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนไทยที่นิยมไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ทำให้มองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจและการสร้างตลาดข้าวแกงกะหรี่ให้เติบโตขึ้น
ทั้งนี้ เป้าหมายรายได้รวมของ เถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ฯ ปีนี้คาดว่าอยู่ที่400 ล้านบาท โดยมาจากธุรกิจรีเทล ซูวีเนียร์ หรือ เถ้าแก่น้อยแลนด์ 90% และ ธุรกิจฟู้ดรีเทล ซึ่งมี ฮิโนยะ เคอรี่ อีก สัดส่วน 10% ขณะที่เป้าหมาย 5 ปีข้างหน้าสัดส่วนธุรกิจรีเทล ซูวีเนียร์ 60% ฟู้ดรีเทล 40%