ดูเหมือนปี 2013 นี้จะไม่ใช่ปีที่ดีนักสำหรับยักษ์ใหญ่ในวงการไอทีอย่างบริษัทไมโครซอฟท์ ซึ่งดำเนินแผนธุรกิจผิดพลาดอย่างต่อเนื่องในหลายกลุ่มสินค้าตั้งแต่ช่วงต้นปี ทั้งการวางตลาดแท็บเล็ต Surface RT และ เครื่องเกม Xbox one

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ได้ประกาศการขาดทุนกว่า 900 ล้านเหรียญสหรัฐจากยอดการจำหน่าย แท็บเล็ต Surface RT ที่ไม่เป็นไปตามเป้า ส่งผลให้มีสินค้าค้างสต็อกไม่น้อยกว่า 1 ล้านเครื่อง จนบริษัทต้องตัดสินใจลดราคาจำหน่ายลง 150 เหรียญสหรัฐต่อเครื่อง

สำหรับเครื่องเกม Xbox one ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความหวังในการรุกตลาดเครื่องเกมของไมโครซอฟท์ ซึ่งมีส่วนแบ่ง ในตลาดโลกตามหลังโซนี่อยู่ที่ 36.4% ต่อ 50.8% กลับกลายเป็นหายนะทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์

เหตุการณ์หายนะดังกล่าวเริ่มจากการประกาศข้อกำหนดการใช้งานเครื่องที่เรียกได้ว่าไม่เป็นมิตรกับผู้บริโภค ในช่วงก่อนงาน Electronic Entertainment Expo หรือ E3 เช่น จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตทุกๆ 24 ชั่วโมง ไม่สามารถใช้งานนอกประเทศที่กำหนด ไม่สามารถใช้แผ่นเกมมือ 2 ได้ เป็นต้น

ซึ่งข้อกำหนดดังกล่าวนอกจากจะสร้างความไม่พอใจแก่ลูกค้านักเล่นเกมซึ่งอาศัยอยู่ทั่วโลกแล้ว ทหารหลายพันนายในกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งประจำการในหลาย ประเทศ เช่น ญี่ปุ่นและตะวันออกกลาง ต่างแสดงความเห็นได้จากข้อเขียนในหนังสือพิมพ์ Navy Times ของ Jon Anderson ที่แสดงความผิดหวังต่อการตัดสินใจของบริษัทไมโครซอฟท์ครั้งนี้

ในบรรดานโยบายทั้งหมด นโยบายเรื่องเกมมือ 2 ดูจะเป็นประเด็นที่ถูกโจมตีมากที่สุด เนื่องจากไมโครซอฟท์กำหนดให้การส่งเกมให้บุคคลอื่นจะต้องมีการจ่ายเงินให้แก่ไมโครซอฟท์ก่อนเป็นจำนวนประมาณ 50 เหรียญสหรัฐ

หากมีการนำนโยบายนี้มาใช้จะส่งผลต่อผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายเกมซึ่งตามปกติมีการรับซื้อและจำหน่ายเกมมือ 2 รวมอยู่ด้วย

ความผิดพลาด ดังกล่าวยังเปิดช่องให้คู่แข่งสำคัญอย่างบริษัทโซนี่ซึ่งเปิดตัวเครื่องเกม PS4 ในเวลาไล่เลี่ยกันนำมาใช้เป็นประเด็นโจมตีและดึงฐานลูกค้าที่กำลังไม่พอใจไปหาสินค้าของตน

โดยในการแถลงข่าวของโซนี่ในงาน Electronic Entertainment Expo โซนี่ได้ประกาศนโยบายที่ตรงข้ามกับไมโครซอฟท์ชนิดฟ้ากับเหว ตั้งแต่การใช้งานโดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและไม่จำกัดพื้นที่ให้บริการ การแบ่งปันเกมมือ 2 ได้อย่างอิสระและปิดท้ายด้วยราคาขายเครื่องเกมที่ถูกกว่าของไมโครซอฟท์ถึง 100 เหรียญสหรัฐ

นอกจากด้านนโยบายแล้ว ด้านการประชาสัมพันธ์ นับว่าเป็นหายนะไม่น้อยไปกว่ากันเมื่อนาย Don Mattrick ประธานแผนก Interactive Entertainment ของบริษัทไมโครซอฟท์ในขณะนั้นได้ให้สัมภาษณ์สื่อเกี่ยวกับ นโยบาย ของเครื่อง Xbox one ราวกับเป็นการฆ่าตัวตายทางการตลาด

โดยนาย Don Mattrick ได้ให้สัมภาษณ์กลับว่า สำหรับผู้บริโภคที่ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตหรืออยู่นอกพื้นที่ให้บริการของบริษัท ให้ใช้เครื่อง Xbox 360 ซึ่งเป็นเครื่องเกมรุ่นเก่าที่ไมโครซอฟท์วางจำหน่ายตั้งแต่ 8 ปี ก่อนแทน

การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ จนไมโครซอฟท์ต้องออกมาแถลงข่าวเปลี่ยนแปลงนโยบายเกือบทั้งหมดให้ไปในทางเดียวกับนโยบายของโซนี่

แม้กระนั้นกระแสตอบรับของผู้บริโภคยังแตกออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่พอใจกับการรับมือของไมโครซอฟท์ที่รับฟังความเห็นของผู้บริโภค กับอีกฝ่ายที่เห็นว่าการเปลี่ยน แปลงนี้แสดงถึงความไม่มั่นคงในนโยบายของตนเองและอาจส่งผลต่อความมั่นใจของผู้บริโภคในอนาคตได้

ทั้งหมดนี้คงต้องจับตาดูกันต่อไปในช่วงปลายปีที่เครื่องเกมของทั้ง 2 บริษัทจะออกวางจำหน่ายในตลาดใหญ่เช่น สหรัฐฯ ยุโรปและญี่ปุ่น ว่าผลตอบรับของผู้บริโภคจะไปในทิศทางใด