นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN กล่าวว่า กระแสนิยม “ไข่เค็ม” เริ่มขึ้นในประเทศสิงคโปร์ตั้งแต่ 2 ปีก่อน และจนปัจจุบันก็ยังเป็นที่ชื่นชอบอย่างมาก ทำให้เถ้าแก่น้อยสนใจศึกษาและพัฒนาในการนำผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่มาจับคู่กับไข่เค็มเพื่อให้เกิดความลงตัวที่สุด จนเราได้ใช้เวลาในการพัฒนาสินค้าร่วมกับพันธมิตรประเทศสิงคโปร์นานเกือบ 1 ปีก่อนที่จะได้ “เถ้าแก่น้อยสาหร่ายเทมปุระไข่เค็ม” เป็นสินค้ามาสเตอร์พีซ ภายใต้คอนเซปท์ “ ตัวจริงไข่เค็ม สูตรแท้สิงคโปร์ เข้มทุกชิ้น อร่อยทุกคำ” เริ่มวางจำหน่ายลองวางจำหน่ายเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
“ล่าสุดกับการฉลองยอดขาย 2 ล้านซองทั่วโลก ภายในระยะเวลาแค่ 6 เดือน พร้อมกับการรุกขยายช่องทางการจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจุบันวางจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นไทย จีน มาเลเซีย ฮ่องกง สิงคโปร์ กัมพูชา เวียดนาม และกำลังจะเข้าสู่ตลาดอินโดนีเซีย”
ผู้บริหาร กล่าวต่อว่า เชื่อว่ากระแสไข่เค็มฟีเวอร์จะยังคงมีต่อเนื่องตลอดทั้งปี จากจุดเด่นเรื่องรสชาติ และความคุ้นเคยของคนไทย ขณะเดียวกันคาดว่าจะมีสินค้าใหม่ที่จับคู่กับไข่เค็มออกวางจำหน่ายในตลาดเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับเถ้าแก่น้อยที่พัฒนาและวางจำหน่าย “เถ้าแก่น้อยทินเท็น” ปลาหมึกแผ่นเคลือบซอสไข่เค็มเป็นรายแรกในเมืองไทย ภายใต้สโลแกน “หมึกเต็มแผ่น ไข่เค็มเต็มคำ” ออกวางจำหน่ายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมียอดขายสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้บริษัทมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น
“ด้านกลยุทธ์การทำตลาด เพื่อเป็นการฉลองยอดขาย 2 ล้านซองของทั่วโลก เถ้าแก่น้อย สาหร่ายเทมปุระไข่เค็ม บริษัทได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ สาหร่ายเทมปุระไข่เค็ม ขนาด 25 กรัม ราคา 25 บาท เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2562 ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขายเถ้าแก่น้อยสาหร่ายเทมปุระไข่เค็มในประเทศไทย 50 ล้านบาท ส่งผลให้เถ้าแก่น้อยเทมปุระ มีการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 183%”
สำหรับตลาดสาหร่ายปรุงรสในปี 2561 มีมูลค่าตลาดรวม 3,032 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 5.2 โดยมีแบรนด์ “เถ้าแก่น้อย” เป็นผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 69 เติบโตร้อยละ 10 ประกอบไปด้วยสาหร่ายประเภททอด อบ ย่าง และเทมปุระ ซึ่งสาหร่ายเทมปุระ ถือเป็นกลุ่มน้องใหม่ของตลาดสาหร่ายมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 1 โดยปีที่ผ่านมาพบว่าทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศทำมีการเติบโตร้อยละ 134 เมื่อเทียบกับปี 2560 สำหรับปีนี้คาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายของสาหร่ายเทมปุระในประเทศไทยได้ 80 ล้านบาท