นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC กล่าวว่า กลุ่มดุสิตฯ และซีพีเอ็น มีแผนที่ต้องการจะพัฒนาพื้นที่บริเวณมุมถนนสีลม - พระราม 4 หรือโรงแรมดุสิตธานีเดิม ให้กลายเป็นทำเลศักยภาพใจกลางกรุงเทพมหานคร ภายใต้โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่ออกแบบด้วยแนวคิด “Here for Bangkok” รูปแบบการพัฒนาเป็นอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสานหรือมิกซ์ยูส ที่สามารถเชื่อมต่อกับการจราจรทุกระนาบ ทั้งระบบขนส่งมวลชนทั้งรถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ตลอดจนการจราจรบนท้องถนน และทุกอาคารสามารถมองเห็นวิวสวนลุมพินีได้อย่างชัดเจนไร้การบดบัง บนขนาดพื้นที่ 440,000 ตร.ม. มูลค่ารวม 36,700 ล้านบาท โดยการร่วมทุนระหว่าง ดุสิตธานี 60% และบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น 40% ภายใต้บริษัท วิมานสุริยา จำกัด โดยคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการครบทั้งหมดภายในปี พ.ศ. 2567
โดยในส่วนของ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ที่จะสร้างขึ้นมาใหม่ เป็นโรงแรมขนาด 250 ห้องที่มีความสูง 39 ซึ่งเราให้ความสำคัญกับการเก็บเรื่องราว องค์ประกอบสำคัญของโรงแรมดุสิตธานีเดิม ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการก่อนในช่วงปลายปี 2565 ส่วน และจะเปิดให้บริการก่อนส่วนอื่น คือ อาคารที่พักอาศัย เราได้เตรียมมอบประสบการณ์แห่งการใช้ชีวิตของคนเมืองครั้งใหม่ ผ่านการนำเสนอความเหนือระดับด้วยวิวแบบพาโนรามาของสวนลุมพินี และวิวเส้นขอบฟ้าอันสวยงามของมหานครกรุงเทพฯ ความสูง 69 ชั้น จำนวน 389 ยูนิต บนพื้นที่ 80,000 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็น “ดุสิต เรสซิเดนเซส”จำนวน 159 ยูนิต เจาะกลุ่มครอบครัวขนาดกลางและใหญ่ ทั้งคนไทย , ต่างชาติ และ นักลงทุน นักธุรกิจที่เดินทางมาทำงานหรืออยู่ประจำในไทย และ “ดุสิต พาร์คไซด์” ตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์คนเมือง ด้วยดีไซน์ที่ร่วมสมัย มีระดับ จำนวน 230 ยูนิต เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ คนทำงานในเมือง และครอบครัวขนาดเล็ก โดยเป็นอาคารที่พักแบบเช่าสิทธิ์ระยะยาวหรือลีสโฮลด์ คาดว่าจะเริ่มเปิดให้จองได้ในกลางปีนี้
ด้าน นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า ซีพีเอ็นและดุสิตกำลังร่วมกันทำจะเป็นมากกว่าการสร้างมิกซ์ยูสทั่วไป แต่เป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่จะบุกเบิกและพลิกโฉมกรุงเทพฯ และสร้างซูเปอร์คอร์ซีบีดี ซึ่งจะเป็นหมุดหมายหรือจิ๊กซอว์สำคัญที่เชื่อมโยง 4 ย่านสำคัญจากทั้ง 4 ทิศของกรุงเทพฯ มุ่งตรงสู่ใจกลางเดียว ได้แก่ ย่านราชประสงค์ทางทิศเหนือ เจริญกรุงทางทิศใต้ สุขุมวิททางทิศตะวันออก และ เยาวราชทางทิศตะวันตก ทำให้เกิดเป็น ‘The New Junction’ ที่เชื่อมโยงทุกย่านสำคัญของกรุงเทพฯ และ สิ่งสำคัญกว่านั้นคือเชื่อมให้ทุกย่านรอบๆ นี้ให้เติบโตไปพร้อมกัน
ทั้งนี้ ในส่วนของศูนย์การค้าเซ็นทรัล พาร์ค ซึ่งเป็นพื้นที่ค้าปลีกขนาด 80,000 ตร.ม. จะเริ่มเปิดให้บริการได้ราวไตรมาส 3 ปี 2566 และในปลายปีเดียวกันจะเปิดให้บริการเซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศเซส อาคารสำนักงาน เกรดเอ สูง 43 ชั้น โดยที่ในส่วนของอาคารชุดพักอาศัย ซึ่งทุกยูนิตเปิดรับวิวสวนลุมพินี จะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมให้เข้าอยู่อาศัยได้ในปี 2567 แบ่งเป็น 2 โครงการ มูลค่ารวม 16,000-17,000 ล้านบาท