วีรานันท์ พิพัฒวงศ์เกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเวโรนิก้า บาย วีพี จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจห้องเสื้อชุดแต่งงาน และชุดราตรี กล่าวว่า จากการสำรวจข้อมูลพบว่าปีหนึ่งในประเทศจะมีการแต่งงาน 3 แสนคู่/ปี โดยข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ปีหนึ่งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานแต่งมีมูลค่าหลายหมื่นล้าน มีแนวโน้มที่จะเติบโต อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าหลายคนจะมองว่าปัจจุบันเข้าสู่ยุคคนโสด ครองเมือง แต่ความเป็นจริงแล้วธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานแต่งงาน โตเงียบๆ มาโดยตลอด ทั้งตลาดในไทย และต่างชาติก็เริ่มหันนิยมมาตัดชุดแต่งงานที่ไทย เช่น จีน อินเดีย ยุโรป และอเมริกา สำหรับการแข่งขันธุรกิจในภาพรวม ถือว่าปัจจุบันนี้การแข่งขันสูงมาก มีทั้งแบรนด์แก่เก่า และแบรนด์น้องใหม่ ที่ต่างดาหน้าเข้ามาช่วงชิงเค้กก้อนโต ที่อนาคตยังสดใส ส่วนใหญ่จะเล่นกันที่สงครามราคาบ้าง มีโปรชั่นการตลาด เป็นแรงจูงใจลูกค้า
สำหรับแบรนด์เวโรนิก้า ถือว่าเป็นแบรนด์น้องใหม่ ซื้อเปิดตัวอย่างเป็นทาง มาแล้วเกือบ1 ปี บนทำเลสาทร ถนนนราธิวาส สามารถเดินทางได้สะดวกสบาย ด้วยรถฟ้า สถานนีสุรศักดิ์ ทางออกที่ 5 จากผลตอบรับที่ผ่านมา แม้ว่าจะเพิ่งเป็นแบรนด์ในตลาดถือว่าลูกค้าตอบรับดี จากการโปรโมททั้งออฟไลน์ และออนไลน์
“จุดแข็งของแบรนด์เรานั้นจะเป็นการดีไซน์ ที่ตอบโจทย์ ลูกค้า จากทีมงานดีไซน์ มืออาชีพ จากการสำรวจยังพบว่า ปัจจุบัน เทรนด์ผ้าลูกไม้ ซึ่งเป็นดีเทลชุดแต่งงาน ยังมาแรง แต่แนวโน้มลูกค้าที่ชื่นชอบการดีไซน์ แบบเรียบหรู ดูดี ก็มาแรงไม่แพ้กัน นอกจากนี้ยังมีจุดแข็งในเรื่องของโลเคชั่น ที่อยู่ใจกลางเมือง ย่านเศรษฐกิจ มีนักธุรกิจชาวต่างชาติอยู่จำนวนมาก ทำให้เป็นโอกาสทองในการทำธุรกิจ โดยที่ผ่านมามีชาวมาตัดชุดแต่งงานกลับประเทศมากขึ้น”
ผู้บริหารคนสวย กล่าวต่อว่า ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าคนไทยยังมากถึง90% และต่างชาติ10 % เจาะตลาดระดับกลาง-บน ส่วนราคามีหลากหลาย ตั้งแต่หลักพัน ถึงหลักหมื่น แล้วแต่ลูกค้าจะเข้ามาเลือกและตกลงกับทางร้าน สำหรับในช่วง1-2 ปีแรก คาดหวังให้แบรนด์ติดตลาดก่อน จากนั้นจะขยายการลงทุน อีก 2-3 สาขา ในห้างสรรพสิน หรืออาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ใจกลางเมือง ย่านเศรษฐกิจ จากนั้นจะเข้าไปลงทุนที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ทำการศึกษาข้อมูลพฤติกรรมบริโภค ที่อเมริกามาแล้ว และมีเพื่อนๆ ที่เป็นพันธมิตร เพราะเคยไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ได้เห็นโอกาสในการลงทุน โดย 1 สาขา จะใช้งบลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังได้แตกไลน์ธุรกิจแบรนด์เฟอร์นันดิโอ้ เป็นแบรนด์ชุดสูท ชุดทำงาน เจาะกลุ่มตลาดองค์กร ที่ต้องการให้ยูนิฟอร์ม เหมือนกันทั้งองค์กรและกลุ่มนักธุรกิจ โดยตลาดกลุ่มนี้ มีกำลังซื้อสูง และมีอำนาจการตัดสินใจในการซื้อ โดยในปีนี้คาดว่าจะมียอดขายหลัก10ล้านบาท และจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในปีต่อๆ ไป