จากเหตุการณ์ท่อส่งน้ำมันดิบรั่วในทะเล เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่อยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร ส่งผลให้มีน้ำมันดิบรั่วออกมาประมาณ 50,000 ลิตร หรือประมาณ 316 บาร์เรล สร้างความเสียหายให้กับท้องทะเลในแถบจังหวัดระยอง โดยเฉพาะเกาะเสม็ด ที่กระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างหนัก และถือเป็นน้ำมันรั่วครั้งร้ายแรงที่สุดในประเทศ

สำหรับเหตุการณ์น้ำมันรั่วครั้งร้ายแรงทั่วโลกที่สร้างความเสียอย่างหนัก ทั้งในแง่เศรษฐกิจและทำลายสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย

+ Amoco Cadiz oil spill 16 มีนาคม 2521

เหตุการณ์ Amoco Cadiz เรือขนน้ำมันขนาดยักษ์ของบริษัท Amoco ขณะที่ กำลังขนน้ำมันจำนวน 1.6 ล้านบาร์เรล ที่สั่งซื้อโดย Shell จากซาอุดีอาระเบียมุ่งหน้าสู่ เนเธอร์แลนด์ แต่เรือเกิดล่มเนื่องจากชนเข้ากับหินโสโครก เพราะสภาพอากาศ สภาพ ทะเลที่เลวร้าย ห่างจากฝั่งแคว้น Brittany ประเทศฝรั่งเศส ประมาณ 5 กม. โดยตัวเรือ หักเป็นสองท่อน น้ำมัน 1.6 ล้านบาร์เรล รั่วไหลสร้างความเสียหายให้กับชายฝั่งฝรั่งเศส เป็นวงกว้างนับเป็นภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงที่สุดของประเทศฝรั่งเศส ทำลาย อุตสาหกรรมประมง และการเลี้ยงหอยออสเตอร์ในพื้นที่อย่างหนัก รัฐบาลฝรั่งเศส ได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย บริษัท Amoco ไป 2,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และปี Amoco ได้จ่ายเงินชดเชยจริงไป 120 ล้านดอลาร์ ในปี 2533

+ Ixtoc I oil spill 3 มิถุนายน 2522-23 มีนาคม 2523

แท่นขุดเจาะ Sedco 135F ของ Pemex บริษัทขุดเจาะน้ำมันของรัฐบาลเม็กซิโกเกิดการระเบิดในขณะที่กำลังทำการขุดน้ำมันที่ความลึก 3,600 เมตรใต้ทะเล ระหว่าง วันที่ 3 มิถุนายน 1979-23 มีนาคม 1980 ทำให้มีน้ำมันรั่วไหลออกมาวันละ 10,000-30,000 บาร์เรล รวมมีน้ำมันรั่วออกมา 3 ล้านบาร์เรล มีพื้นที่ชายฝั่งที่ปนเปื้อนน้ำมัน เป็นความยาว 261 กม. ลากยาวจากรัฐเทกซัสไปจนถึงในเม็กซิโก ผลทางธรรมชาติ ทำให้ปูในพื้นที่เกือบสูญพันธุ์ ปริมาณปลาและปลาหมึกหายไป 50-70%

+ Exxon Valde oil spill 24 มีนาคม 2529

อุบัติเหตุน้ำมันรั่วไหลกลางทะเลของเรือบรรทุกน้ำมัน Exxon Valdez ของ Exxon Mobile บรรทุกน้ำมัน 750,000 บาร์เรล จากอลาสก้ามุ่งหน้าสู่แคลิฟอร์เนีย แต่ เรือได้แล่นไปชนกับแนวหินปะการัง บริเวณ Prince William Sound นอกชายฝั่ง อลาสก้า ทำให้มีน้ำมันรั่วออกมา 250,000-750,000 บาร์เรล สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ชายฝั่งเป็นแนวยาว 2,100 กม. และมีพื้นที่ทางทะเลได้รับผลกระทบ 10,000 ตารางกิโลเมตร ส่งผลกระทบต่อปลา แมวน้ำ นกทะเล ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก คาดว่ามีความเสียหายประเมินค่าได้ประมาณ 5,000 ล้านยูเอส ปี 2009 Exxon Mobile ได้จ่ายค่าเสียหายให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ไปทั้งหมด 507.5 ล้านดอลลาร์

+ Deepwater Horizon oil spill 20 เม.ย.-15 ก.ค.2553

เกิดเหตุแท่นขุดเจาะน้ำมัน Deepwater Horizon ของบริษัท BP สัญชาติอังกฤษ ในอ่าวเม็กซิโก เกิดการระเบิดและไฟไหม้จมลง ขณะที่กำลังขุดเจาะน้ำมันที่ความลึก 1,600 เมตรใต้ทะเล ส่งผลให้มีน้ำมันรั่วออกมา 4.9 ล้านบาร์เรล กว่าที่จะสามารถอุดท่อขุดเจาะที่รั่วออกมาได้ ชายฝั่งของอเมริกาปนเปื้อนด้วยน้ำมันเป็นแนวยาว 1,728 กม.สร้างความเสียหายให้กับระบบนิเวศ และอุตสาหกรรมประมงอย่างประเมินค่าไม่ได้ นับเป็นภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา ทางการสหรัฐฯ ได้ตัดสินให้ BP ต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวน 4.5 พันล้านดอลลาร์

+ Prestige oil spill 19 พฤศจิกายน 2545

เรือ Prestige บรรทุกน้ำมัน 77,000 ตัน เจอพายุหนักนอกชายฝั่งสเปน ถังน้ำมันถังหนึ่งในจำนวนทั้งหมด 12 ถังได้เกิดลุกไหม้ ทำให้ตัวเรือได้รับความเสียหายหนัก กัปตันเรือได้วิทยุไปขอความช่วยเหลือจากสเปน แต่โดนปฏิเสธ และรัฐบาลฝรั่งเศสก็กดดันให้เรือเปลี่ยนทิศทาง เพราะกลัวว่าเรือจะล่ม ทำให้เรือต้องมุ่งหน้าไปโปรตุเกส รัฐบาลโปรตุเกสทราบข่าว จึงสั่งให้กองทัพเรือเข้าสกัด หากเรือเข้าน่านน้ำโปรตุเกส สุดท้ายเรือไปไม่รอดจมลง พร้อมกับน้ำมันจำนวน 20 ล้าน แกลลอนได้รั่วไหลออกสู่ทะเล สร้างความเสียหายให้กับชายฝั่งสเปน ฝรั่งเศส และโปรตุเกส สูญเงินในการขจัดน้ำมันออกไปทั้งหมด 12 พันล้านดอลลาร์