นางสาวเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง จังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า โครงการทางพิเศษกระทู้-ป่าตองนั้นที่ขณะนี้ผลการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม(EIA) เสร็จแล้ว และทางคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้มีการบรรจุโครงการดังกล่าวเข้าสู่โครงการที่จะลงทุนในเมืองใหญ่ และจากผลการศึกษาฯ ใช้งบลงทุนประมาณ 14,000 ล้านบาท
โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ค่าเวนคืนที่ดินและสิ่งก่อสร้าง วงเงินประมาณ 5,000 กว่าล้านบาท และการก่อสร้างอุโมงค์ วงเงินประมาณ 8,000 กว่าล้านบาท โครงการดังกล่าวทางรัฐบาลเห็นด้วยที่จะดำเนินการ โดยให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) และขณะนี้ทางบริษัทที่ปรึกษาอยู่ระหว่างการดำเนินการเดินเรื่องเจรจากับเอกชนที่จะเข้ามาร่วมลงทุนอยู่แล้วโดยกรอบล่าสุดคือ 30 ปียังไม่คืนทุนก็มองว่า หากทางภาครัฐจริงใจที่จะดำเนินการก็อาจจะขยายเวลาเป็น 40-50 ปี ในการคืนทุนก็ได้และครั้งหลังสุดมีการเจรจาการอยู่ที่ 35 ปี ขณะที่ทางเอกชนที่จะเข้ามาลงทุนนั้นไม่น่าจะมีปัญหาเพราะมีเอกชนสนใจที่จะลงทุนตลอด เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีฯ เป็นต้น
ทั้งนี้ ปัญหาส่วนหนึ่งที่ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนคือในส่วนของค่าเวนคืนที่ดินและสิ่งก่อสร้าง วงเงินประมาณ 5,000 กว่าล้านบาท ที่ทางรัฐบาลจะต้องเวนคืนเพราะปัจจุบันยังไม่มีการออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินเพื่อให้จบและตัวเลขของงบที่ใช้เวนคืนจะไม่เพิ่มขึ้น เพราะระหว่างที่ยังไม่มีการออก พรฎ.เวนคืนหากมีการขออนุญาตดำเนินการต่างๆอย่างถูกต้องก็ต้องอนุญาตไม่มีสิทธิชะลอซึ่งจะทำให้เป็นปัญหาได้ ดังนั้นจึงมีการเสนอทางการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) ให้เร่งเสนอรัฐบาลออก พรฎ.เวนคืนให้เร็วที่สุด แต่ขณะนี้ยังมีเพียงการตั้งคณะกรรมการมาพูดคุยเรื่องราคาแต่ยังไม่มีการออก พรฎ.เวนคืน จึงมองว่าควรทำให้จบเลยเพื่อที่คณะอนุกรรมการฯ จะได้พิจารณาเกี่ยวกับการเวนคืนได้เลย ซึ่งจะช่วยทำให้โครงการดังกล่าวเดินหน้าและเสร็จสมบูรณ์ได้จริง ทั้งนี้ จากกรอบที่ได้ว่าไว้คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2567
นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง กล่าวถึงโครงการรถไฟฟ้ารางเบา (Tram) ของจังหวัดภูเก็ต ด้วยว่า จากประเด็นที่ทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีการเสนอโครงการดังกล่าวเพื่ออำนวยสะดวกให้นักท่องเที่ยวจากสนามบินด้วยรถขนส่งมวลชนและลดปริมาณความหนาแน่นของการจราจร โดยภูเก็ตมีเที่ยวบินประมาณ 200 กว่าเที่ยวบินต่อวัน คนเข้าเมืองประมาณ 60,000-70,000 คนต่อวัน แต่การเดินทางเข้าที่พักแต่ละแห่งไม่สะดวกเนื่องจากระบบขนส่งมวลชนมีน้อย จึงอยากให้มีการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
“มองว่าการจัดแนวเส้นทางของรถไฟฟ้ารางเบาดังกล่าว เป็นเส้นทางจากสนามบินเข้าเมืองไปทางห้าแยกฉลองไม่สอดรับกัน เพราะปัจจุบันนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาะ คือตั้งแต่หาดไม้ขาว หาดสุรินทร์ หาดกมลา หาดป่าตอง หาดกะตะ หาดกะรน ไปจนถึงหาดราไวย์ เป็นต้น รวมถึงแหล่งที่พักต่างๆ ด้วย แต่แนวเส้นทางของรถไฟฟ้ารางเบานั้น วิ่งเข้าสู่กลางเมืองและไปออกทางใต้จึงไม่ไปเป็นไปตามวัตถุประสงค์ และก่อนหน้านี้ก็มีผลศึกษาในหลายเส้นทางที่มาทางป่าตองแต่ผลการศึกษาระบุว่าไม่คุ้มทุน”
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ได้มีการหารือกับทาง กทพ. เสนอขอให้มีการวางรางรถไฟฟ้าบนพื้นผิวช่องจราจรเพื่อใช้ทางร่วมไปด้วย ซึ่งทาง กทพ.ก็ได้ให้ความเห็นว่าหากนำเรื่องเพิ่มเข้าไปจะต้องมีการทำการศึกษาใหม่ทั้งหมดและจะส่งผลกระทบให้ค่าก่อสร้างโครงการฯ เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม มองว่าควรจะทำเส้นทางออกมาแม้ว่าจะมาทางฝั่งตะวันตกไม่ได้ทั้งหมดแต่มาที่ป่าตองเป็นหลักก็ได้เพราะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยอะเพราะทางฝั่งตะวันตกกำลังต้องการเพราะจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางและลดปัญหาลดติดได้เยอะ