“ไมเนอร์ฟู้ด” ปั้น แอพ ฯ 1112 Delivery สั่งอาหาร สู้ ยุคฟู้ด ดิสรัปท์ ย้ำผู้นำดีลิเวอรี่

วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2562

 “ไมเนอร์ฟู้ด” ปั้น แอพ ฯ 1112 Delivery สั่งอาหาร สู้ ยุคฟู้ด ดิสรัปท์ ย้ำผู้นำดีลิเวอรี่


นายพอล เคนนี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการที่บริษัทเราเป็นผู้นำ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจเดลิวอรี่เจ้าแรกของประเทศไทยมายาวนานถึง 30 ปี  และ บริษัทฯ ได้สั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจเดลิเวอรี่  รวมถึงเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละยุคสมัยได้เป็นอย่างดี และในยุคปัจจุนี้เอง อย่างที่เราทราบกันว่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนเปลี่ยนไปมีการใช้ชีวิตที่เร่งรีบและเข้าสู่สังคมดิจิตอลออนไลน์มากขึ้น  จึงต้องการความรวดเร็วและสะดวกสบายในเรื่องของการเลือกรับประทานอาหาร  ส่งผลให้แนวโน้มภาพรวมธุรกิจเดลิวอรี่ในไทยมีอัตราการเติบโตที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะนี้และคาดว่าในอนาคตจะยิ่งเติบโตเพิ่มมากขึ้นไปอีก 

ดังนั้น บริษัทจึงได้เห็นความสำคัญของเทรนด์การเติบโตดังกล่าวที่คาดว่าจะสูงขึ้นทุก ๆ ปี และเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจเดลิวอรี่เจ้าแรกในไทย ล่าสุด เปิดตัวแอพพลิเคชั่น 1112 Delivery เพื่อขยายช่องทางจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มจาก 7 แบรนด์ในเครือ คือ เดอะพิซซ่าคอปปะนี สเวนเซ่นส์ ซิซซ์เล่อร์ แดรี่ควีน เบอร์เกอร์คิง คอฟฟี่คลับ ไทยเอ็กซ์เพรส เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง และผู้บริโภคที่เน้นความสะดวก และคงคุณภาพอาหารไว้ โดยได้เปิดตัวแอพใหม่นี้ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นการทดลองนำร่องก่อน ในกรุงเทพและปริมณฑล และมีแผนที่จะทยอยเปิดบริการให้ครอบคลุมทั่วทุกภาคในกลางปี 2562นี้ จากร้านอาหารในเครือกว่า 1,500-1,600 สาขา เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา นครราชสีมา ซึ่งในปี2562นี้ทางไมเนอร์ฟู้ด ตั้งเป้ายอดขายรวมเติบโต 10% จากปัจจุบันที่มีรายได้ ประมาณ 44,000 ล้านบาท จากกลุ่มอาหารทั่วโลกของไมเนอร์ฟุ้ด ที่มี 27 ประเทศ โดยในไทยจะมีการเพิ่มช่องทางการบริการทั้งการขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ ช่องทางดิจิทัล เว๊บไซต์ แอพพลิเคชั่น และโซเชียล มีเดียหลายรูปแบบ

ปัจจุบัน ไมเนอร์ฟู้ดมีร้านอาหารและเครื่องดื่มรวม 7 แบรนด์หลัก และอื่นๆรวม 2,270 สาขาทั่วโลก ใน 27 ประเทศ ทั้งการลงทุนเองและการขายแฟรนไชส์ แยกเป็นในประเทศไทย ประมาณ 1,500 สาขา โดยแบ่งเป็นร้านเดอะพิซซ่า คอมปะนี 395 สาขา, ร้านสเวนเซ่นส์ 289 สาขา, ร้านซิซซ์เลอร์ 55 สาขา, ร้านแดรี่ควีน 501 สาขา, ร้านเบอร์เกอร์คิง 103 สาขา, ร้านเดอะ คอฟฟี่คลับ 51 สาขา, ร้านไทยเอ็กซ์เพรส 14 สาขา, ร้านเบนิฮาน่า 3 สาขาเป็นเทปังยากิในโรงแรม และอื่นๆอีกประมาณ 89 สาขา

ด้าน นายประพัฒน์ เสียงจันทร์ (แพทริค) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด  กล่าวต่อว่า ปีนี้บริษัทจะโฟกัสในเรื่องของการทำดีลิเวอรี่มากขึ้นในการใช้งบลงทุนพัฒนาแอพพลิเคชั่น 1112 Delivery และการทำการตลาดพีอาร์ประชาสัมพันธ์ของทางดังกล่าว ภายใต้งบที่วางไว้ราว 40 ล้านบาท โดยเราได้รอนเปิดตัวแอพดังกล่าวไปตั้งแต่วันที่ 14 กุมภา ที่ผ่านมา จนขณะนี้พบว่ามีการดาวน์โหลดแอพใหม่แล้วประมาณ 20,000 ราย ซึ่งเราตั้งเป้าจะมียอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านรายภายในสินปีนี้  สำหรับรูปแบบการการดำเนินงานในช่วงแรกจากการเราได้เพิ่มช่องทางสั่งอาหารจากแอพดังกล่าว จะเน้นเน้นในกรุงเทพก่อน โดยวางให้ร้านเดอะพิซซ่าคอมปะนีในกรุงเทพเป็นตัวหลักในการจัดพื้นที่ 70 จุดหลัก และมีรถมอเตอร์ไซค์ส่งประมาณ 3,000 คัน เนื่องจากเดอะพิซซ่าคอมปะนีมียอดขายที่มาจากดีลิเวอรี่ 30% จากยอดขายเดอะพิซซ่า 10,000 ล้านบาท (ทั่วโลก)  ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจากการที่เราได้ขยายช่องทางสั่งอาหารจากแอพดีลิเวอรี่เบอร์เดียวแล้วจะผลักดันให้ปีนี้การเติบโตยอดรายได้ในช่องทางของดีลิเวอรี่มากขึ้น 50% หรือคิดเป็นประมาณ 4,500 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้วที่ดีลิเวอรี่นี่ ทำรายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาททุกแบรนด์รวมกัน ของยอดเดลิเวอรี่ (ทุกช่องทาง)

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ