“เดอะมอลล์” ชี้ ภาพรวมค้าปลีกปีนี้ท้าทาย ทุ่ม 270 ลบ.จัดแคมแปญรับซัมเมอร์ดันยอดโต

วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2562

“เดอะมอลล์” ชี้ ภาพรวมค้าปลีกปีนี้ท้าทาย ทุ่ม 270 ลบ.จัดแคมแปญรับซัมเมอร์ดันยอดโต


นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของธุรกิจรีเทลในปีนี้มีความท้าทายมากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2561ที่ผ่านมา ซึ่งคาดการณ์ว่าการเติบโตในปี 2562นี้ น่าจะอยู่ราว 3.0-3.1% น้อยกว่าจีดีพีทั้งประเทศ ที่คาดการณ์ว่าน่าจะเติบโตประมาณ 3.5-4.0%  ซึ่งในกลุ่มห้างสรรพสินค้ายังคงได้รับผลกระทบจากบรรยากาศการจับจ่ายที่ยังไม่ปกติ และราคาสินค้าที่ไม่เอื้ออำนวยในการจับจ่ายแก่นักท่องเที่ยวระดับบน เนื่องจากภาระภาษีนำเข้าของสินค้าแบรนด์หรูยังสูงเมื่อเทียบกับประเทศที่มีนโยบาย Shopping Destination อย่างไรก็ตาม คาดหวังว่าหลังจากการเลือกตั้งในอนาคตอันใกล้ (24 มีนาคม 2562) ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น  และสำหรับกลุ่มเดอะมอลล์เองในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา การเติบโตของเราอยู่ที่ 3% ปรกติแล้วจะต้องโตมากกว่านี้ในช่วงต้นปี แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทางเรามีการปิดปรับปรุงหลายสาขา อย่าง  ที่สาขา ม.รามคำแหง และ งามวงศ์วาน ก็อาจจะส่งผลต่อยอดขายที่ทำได้ไม่เต็มที่ในช่วงนี้  ซึ่งเดอะมอลล์คาดว่าทั้งปีนี้เราจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 5 %

ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงต้องมีการวางแผนจัดแคมแปญและกิจกรรมทางการตลาดทั้งภายในศูนย์การค้าและนอกศูนย์ให้มากขึ้น ซึ่งปีนี้ได้วางแผนจัดกิจกรรมกว่า 100 กิจกรรม และสำหรับไตรมาสแรกนี้ถือว่าเป็นช่วงที่มีการจับจ่ายสูง เนื่องจากโรงเรียนปิดเทอมและมีวันหยุดพักผ่อนมาก อีกทั้งยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นจำนวนมากทางเดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้ทุ่มงบประมาณกว่า 270 ล้านบาท จัดแคมเปญพิเศษรวมซิกเนเจอร์อีเว้นท์ของทั้งศูนย์การค้าภายใต้” The Mall Sanook Stadium” และ“Made in Summer”ของ ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ทุกสาขาสร้างสีสันตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมอัดโปรโมชั่นเอาใจนักช้อป หวังสร้างประสบการณ์สุดพิเศษแบบครบวงจร (One-Stop Experience)งานจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 7มีนาคม –26 พฤษภาคม 2562ที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์และกลุ่มดีพาร์ทเม้นท์สโตร์เดอะมอลล์เอ็มโพเรี่ยมเอ็มควอเทียร์และพารากอน

ทั้งนี้ ในส่วนด้านกลยุทธ์ทางการตลาดสำหรับซัมเมอร์ปีนี้ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ยังคงเน้นกลยุทธ์ด้านดิจิทัล เพื่อจัดการปัญหาที่ผู้บริโภคพบเจอเวลาที่ไปชอปปิ้ง เราจำเป็นต้องยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้ตรงตามความต้องการ โดยเรามีการนำเทคโนโลยีไอโอที(IOT) มาใช้เพื่อบริหารจัดการช่องทางการให้บริการต่างๆ ตั้งแต่จุดรับชำระสินค้าและบริการ การศึกษาพฤติกรรมการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและลักษณะของผู้บริโภคIOT ช่วยให้การ Shopping ง่ายขึ้นคุ้มค่าขึ้นและมากไปกว่านั้นสะดวกยิ่งขึ้นในเมื่อIOT สามารถเชื่อมโยงกับสินค้าไม่ว่าจะเป็นลำโพงที่บ้าน ทีวีรถยนต์ไปยังอินเตอร์เน็ตเราสามารถที่จะเก็บข้อมูล Big Data ซึ่งสามารถให้บริบทเรื่องของการใช้สินค้าของลูกค้าเราก็จะสามารถส่งข้อมูลการตลาดที่ตรงความต้องการตลอด Customer journey เราได้ใช้ IOT เพื่อช่วยลูกค้าประหยัดขึ้นผ่านการใช้Beacon เมื่อลูกค้าเดินเข้ามาในศูนย์การค้าฯหรือดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ลูกค้าก็จะได้รับข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นเอ็มการ์ดซึ่งจะเป็นโปรโมชั่นส่วนลด  เป็นต้น โดยการจัดแคมเปญดังกล่าวทั้งหมด เรามั่นใจว่าช่วยสร้างสีสันตลอดซัมเมอร์นี้คาดว่าจะเพิ่ม traffic 10% และกระตุ้นยอดขายในห้างสรรพสินค้า ได้ถึง 5,800 ล้านบาท

ผู้บริหาร กล่าวเสริมถึงเรื่องกาปรับปรุงสาขางามวงศ์วาน ว่า เราได้เริ่มทยอยปิดปรับปรุงทีละส่วนตั้งแต่ปลายปีที่และคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีนี้ ในรูปโฉมใหม่หมด โดยคาดว่าจะมีรายได้เติบโต 10% หลังจากปรับปรุงเสร็จแล้ว เนื่องจากรูปแบบกาปรับปรุงสาขาดังกล่าวเราได้ปรับให้มีโซนพื้นที่ของร้านอาหาร ซึ่งจะมีสัดส่วนอาหารมากกว่า 30% ของพื้นที่ศูนย์การค้าทั้งหมด อีกทั้งสาขาดังกล่าวจะเป็นสาขาแรกที่เรามีการออกแบบและจัดการบริการต่างๆเพื่อรองรับกลุ่มครอบครัว ที่มีเด็ก และคนสูงวัย และคนพิการ เป็นต้น อาทิ เพิ่มพื้นที่จอดรถให้มีจำนวนมากขึ้น  และที่จอดรถมีขนาดกว้างขึ้น  มีการทาสีของที่จอดรถแต่ละชั้นให้จำได้ง่ายเพื่อจะได้หารถที่ตัวเองมาจอดได้สะดวกขึ้น  และที่จอดรถทุกชั้นจะมีจุดลิฟท์ตรงที่จอดรถเลยโดยไม่ต้องขึ้นลงบันไดเชื่อมให้ลำบาก อีกทั้ง จะมีบริการวีลแชร์ มีบริการต่าง ๆ สำหรับคนสูงวัยและคนพิการโดยเฉพาะ

 

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ