“ซีดีจี” ชู บิ๊กเดต้า-IoT- ซิเคี้ยวริตี้ สู่ Smart Government

วันจันทร์ที่ 04 มีนาคม พ.ศ. 2562

“ซีดีจี” ชู บิ๊กเดต้า-IoT- ซิเคี้ยวริตี้  สู่ Smart Government


นายนาถ ลิ่วเจริญ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ซีดีจี เปิดเผยว่า จากข้อมูลของ IDC คาดใน 2-3 ปีจากนี้ ประเทศไทยจะมีเงินหมุนเวียนในตลาดไอที สูงถึง 470,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเดินหน้าดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ขององค์กรของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยคลาวด์ เซอร์วิส ซึ่งคาดการณ์ว่าจะทำรายได้ให้ตลาดไอทีได้สูงกว่า 48,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ตัวเลขจากงานวิจัยของ IDC ยังระบุว่า ภายในปี 2563 มากกว่า20% ขององค์กรจะปรับเปลี่ยนรูปแบบองค์กรให้เป็นดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ เพื่อเสริมศักยภาพและพร้อมแข่งขันในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ

ซีดีจียังคงมุ่งมั่นเป็นผู้นำด้านธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศในรูปแบบ System Integrator เพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เร็วและใหม่ขึ้นทุกวัน ด้วย 3 จุดเด่นโซลูชั่นที่จะเข้ามาสนับสนุนการทำงาน ให้กับองค์กรภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ ได้แก่ 1) Big Data / Data Analytics 2) IoT และ 3) Privacy/ Security โดยในส่วนของ Big Data และ Data Analytics ทั้งภาครัฐและเอกชนจะพบว่า ข้อมูลที่มีอยู่มหาศาลยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในขณะที่ข้อมูลเหล่านั้นเองคือโอกาสที่สามารถนำมาจัดการและรวบรวมให้เป็นหมวดหมู่ ให้ง่ายต่อการวิเคราะห์เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป ในขณะเดียวกัน เทรนด์ในการพัฒนาเมืองของภาครัฐสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart city) จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีใหม่อย่าง IoT ในการบูรณาการเข้ากับระบบ เสริมด้วยงาน e-citizen services เพื่อการบริการประชาชนที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเมื่อข้อมูลกลายเป็นหัวใจของการทำงาน Privacy/ Security หรือการจัดการระบบการเข้าถึงข้อมูลและการปกป้องข้อมูล จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกหน่วยงาน โดยทั้งหมดนี้จะเป็นสิ่งที่บริษัทฯ ให้การผลักดันให้เกิดเป็นโซลูชันใหม่ ๆ เพื่อตอบทุกโจทย์ความต้องการให้ลูกค้า ตั้งเป้าเติบโต 10% จากปีที่ผ่านมา โดยยังคงสัดส่วนหลักจากภาครัฐที่ 90%” นายนาถกล่าว

นอกจากนี้ จากการคาดการณ์ของ Gartner ในบทความ Gartner Top 10 Strategic Technology Trends for 2019 ซีดีจี พบ technology trends ที่น่าจับตามองและมีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อภาคธุรกิจหลัก ๆ ประกอบด้วย 1.เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) คือการนำมาใช้ให้เป็นรูปธรรมสำหรับหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ เพื่อเสริมประสิทธิภาพเรื่องของความถูกต้องแม่นยำของข้อมูลและความปลอดภัยในการเข้าถึงระบบ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่เสริมการทำงานร่วมกันระหว่างแผนก หน่วยงาน และองค์กร เช่น เอกสารสำคัญ โฉนดที่ดิน และการดำเนินธุรกรรมต่าง ๆ เป็นต้น  2.Artificial Intelligence หรือ AI ปัญญาประดิษฐ์ที่ยังคงเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ การเกษตร และทางการแพทย์ หากจะมองให้แคบลงอีก สิ่งที่จะเห็นได้ชัดเจนในปีนี้คือ การนำแมชชีนเลิร์นนิงและ AI มาใช้สร้างแพลตฟอร์มทางธุรกิจ และขับเคลื่อนการกระบวนการทำงาน หรือแม้แต่การนำ chatbot เข้ามาใช้โต้ตอบกับลูกค้าเพื่อการบริการ 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ chatbot ยังถูกนำมาใช้ในองค์กร เพื่อลดจำนวนงานและขั้นตอนการทำงานให้กระชับยิ่งขึ้น คาดปลายปี 2562 กว่า 40% ขอธุรกิจขนาดใหญ่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานภายในองค์กรด้วยการนำ Chatbot มาประยุกต์ใช้

3.Augmented Reality (AR) and Virtual Reality (VR) แม้ในปีที่ผ่านมา กระแสของ VR จะยังมาไม่แรงเท่า AR แต่การตื่นตัวของภาคธุรกิจทั่วโลกที่อยากผลักดันเทคโนโลยีนี้ เราจึงเห็นความพยายามในการนำเสนอต้นทุนอุปกรณ์ที่ต่ำลงเพื่อให้เข้าถึงคนทั่วไปได้อย่างแพร่หลายมากขึ้น ขณะเดียวกันเทคโนโลยี Mixed Reality (MR) ซึ่งเป็นส่วนผสมของ AR และ VR เป็นการจำลองสภาพแวดล้อมทับซ้อนพื้นที่จริงแบบเรียลไทม์ และยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานเข้าถึงวัตถุเสมือนได้ ได้รับความสนใจมากขึ้นจากกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์  และ 4.Global Internet of Things (IoT) security breach แนวโน้มของการเกิดความไม่ปลอดภัยหรือการรั่วไหลของข้อมูลจากการเชื่อมต่อของอุปกรณ์เหล่านี้เพิ่มมากขึ้น จากการพัฒนาและนำมาใช้อย่างแพร่หลายของอุปกรณ์IoT ซึ่งผู้เชี่ยวชาญ Gartner คาดการณ์ว่า จากนี้จนถึงปี 2563 จะมีการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั่วโลกถึง 20.4 ล้านชิ้น จึงเกิดกระแสการตื่นตัวจากผู้ผลิตชิ้นส่วน IoT ที่เริ่มมองหาการรักษาความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์ IoT ต่าง ๆ ที่รัดกุมขึ้น

นายนาถ กล่าวต่อว่า จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ทำให้ทุกภาคส่วนมีการปรับตัวเพื่อสอดรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยปัจจุบันจะเห็นได้จากการ transform ของหน่วยงานทั้งภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่ต่อเนื่องและชัดเจนขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการร่วมกันผลักดันของทุกภาคส่วนตามแผนยุทธศาสตร์ประเทศสู่ Thailand 4.0 จากข้อมูลของ BOI ระบุว่า ภาครัฐมีการเดินหน้าโครงการต่าง ๆ เพื่อผลักดันให้เกิดความพร้อมในการใช้ระบบ e-documents โดยตั้งเป้าในปี 2564 มากกว่า 80% ของหน่วยงานภาครัฐ ต้องเข้าสู่เปเปอร์เลส ออฟฟิศ (Paperless Office) ซึ่งหมายถึงโอกาสในการบริการประชาชนที่มีศักยภาพมากขึ้น และในปี 2563 สัดส่วนของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจะเติบโตถึง 10% ซึ่งเป็นผลมาจาก mobile payment โดยหากมองจากเทรนด์นี้ โอกาสที่น่าจับตามองในการเติบโตของธุรกิจ IT คือเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงถึงโซลูชั่นในการรองรับความปลอดภัย ที่เป็นอีกหนึ่งโอกาสเช่นกัน

ซีดีจี พร้อมเดินหน้างานดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น โดยนำจุดแข็งด้านประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำงานสนับสนุนภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ สร้างการเชื่อมต่อและการทำงานร่วมกัน รวมทั้งผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ก้าวสู่ความเป็นSmart Government และให้การสนับสนุนในด้าน e-citizen service solutions เพื่อการบริการประชาชนที่ดีขึ้นผลักดันประเทศผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสังคมที่ดีขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ