เวทีสัมมนา "เศรษฐกิจไทยกับการเลือกตั้ง" ทุกฝ่ายเชื่อว่าการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นจะส่งผลดีและช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย คาดจะมีเม็ดเงินสะพัดจากการเลือกตั้งกว่า 8 หมื่นล้านบาท ช่วยดันเศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 0.3%
การสัมมนา เรื่อง "เศรษฐกิจไทยกับการเลือกตั้ง" จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มองว่า จุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศไทยก็คือมีการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้นโยบายและแผนงานต่างๆเดินหน้า แต่ขณะเดียวกันก็ต้องติดตามสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจโลกด้วย ซึ่งหากดูภาวะเศรษฐกิจไทยคาดว่าปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า4 % โดยการลงทุนของภาคเอกชนเป็นตัวจักรสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้
ทั้งนี้ ทางศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่าจะมีเงินสะพัดจากการเลือกตั้งทั้งเลือกตั้งในระดับประเทศและเลือกตั้งท้องถิ่นมากกว่า 8 หมื่นล้านบาท โดยเป็นเงินสะพัดในการเลือกตั้งใหญ่กว่า 5 หมื่นล้านบาท สามารถช่วยดันจีดีพีไทยเติบโตไม่ต่ำกว่า 0.3%
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาตลาดทุนไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งของไทยในครั้งนี้ถือว่าสำคัญอย่างมาก เพราะขณะนี้ ความคาดหวังต่อระบบเศรษฐกิจไทยอยู่ที่แผนการลงทุนของภาคเอกชนแบบระยะยาวที่จะสร้างความมั่นใจและพร้อมที่จะจัดทำแผนลงทุนได้ ดังนั้น หากไม่มีการเลือกตั้งยิ่งจะทำให้ระบบเศรษฐกิจอมีปัญหาได้
น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งออกทางเรือแห่งประเทศไทย ( สรท.)กล่าวว่า ภาคการส่งออกคาดหวังว่าไทยจะมีการเลือกตั้ง แต่เมื่อมีรัฐบาลแล้วภาคเอกชนอยากเห็นรัฐบาลมีเสถียรภาพมากขึ้น เพราะอยากให้มีการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อภาคการส่งออกที่ยังมีหลายฉบับที่อยากให้รัฐบาลชุดใหม่มีการปรับแก้ไข รวมถึงกฎระเบียบของไทยที่อยากให้มีการปรับเปลี่ยนด้วย และอยากให้ประเทศไทยเข้าไปอยู่ในกรอบการเจรจา FTA ด้วยที่ต้องฝากรัฐบาลชุดใหม่ และสิ่งที่ภาคเอกชนโดยเฉพาะภาคการส่งออกอยากฝากให้ดูแลค่าเงินบาทไม่ควรที่จะแข็งค่ากว่ากลุ่มอาเซียนด้วยกัน
นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ภาคธุรกิจค้าปลีกไทยอยากเห็นให้มีการเลือกตั้ง เพราะหลายประเทศกำลังจับตาประเทศไทยอยู่โดยเฉพาะภาคธุรกิจค้าปลีกที่หลายประเทศอยากเข้ามาลงทุนค้าปลีกในประเทศไทย และสิ่งสำคัญอยากให้รัฐบาลใหม่ท่ามีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของโครงสร้างภาษีต่างๆที่ไทยยังมีอัตราสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน หากโครงสร้างภาษีไทยมีการปรับลดลงเชื่อว่าจะอำนวยความสะดวกให้หลายประเทศเข้ามาลงทุนและเป็นการกระตุ้นการค้าและการท่องเที่ยวของไทยสูงขึ้นเม็ดเงินจะไหลเข้าประเทศได้อีกจำนวนมหาศาล ดังนั้น ในฐานะภาคเอกชนเตรียมทำหนังสือยื่นให้นายกรัฐมนตรีในวันที่ 18 ม.ค.62 เพื่ออยากให้รัฐบาลปรับอัตราภาษีทั้งระบบเพื่อดึงดูดการท่องเที่ยวและการลงทุน และอยากเห็นรัฐบาลใหม่ช่วยแก้ไขในเรื่องเหล่านี้ด้วย