นาย กำพล  พูลวรลักษณ์รองประธานกรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้า และโรงภาพยนตร์ เซ็นจูรี่ เดอะมูฟวี่ พลาซ่า กล่าวว่า จากผลตอบรับจากการที่เราเปิดตัวเซ็นจูรี่ เดอะมูฟวี่ ที่อนุสาวรีย์ มาเป็นเวลา 13 ปี ทำให้เราได้เข้าใจความต้องการของตลาดว่า ความสะดวก รวดเร็ว และตอบโจทย์ลูกค้าคือสิ่งที่กลุ่มลูกค้าต้องการ ทำให้เรามองหาพื้นที่ฝั่งกรุงเทพฯฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งปัจจุบันเกิดการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว เกิดที่พักอาศัยทั้งคอนโด หมู่บ้านจัดสรร สถานศึกษา หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีปริมาณประชากรกว่า 300,000 คนในพื้นที่ เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ติดกับ CBD และแนวรถไฟฟ้าบีทีเอส 

ดังนั้น บริษัทจึงได้ทุ่มงบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท เปิดคอมมิวนิตีแห่งใหม่ภายใต้ชื่อ “เซ็นจูรี่ เดอะมูฟวี่ พลาซ่า สุขุมวิท” โดยตัวอาคารเน้นการออกแบบที่ทันสมัย ด้วยแรงบันดาลใจจาก Never Stop Moving: การมูฟของคนในย่านสุขุมวิท ซึ่งกลุ่มเป้าหมาย ลูกค้าบริษัทได้เน้นไปที่กลุ่ม B หรือกลุ่มคนวัยทำงาน ที่มีรายได้ 30,000 บาทขึ้นไป โดยเป้าหมายการคืนทุนครั้งนี้บริษัทคาดการณ์ไว้อยู่ที่ประมาณ 7-10 ปีขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านเศรษฐกิจ  สำหรับโครงการนี้เป็นโครงการมิกซ์ยูสที่ครบครันด้วยสินค้าและบริการที่ตอบทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ครบครัน มาไว้บนพื้นที่กว่า 70,000 ตารางเมตร6 ไร่ พื้นที่พลาซ่า 42,000ตร.ม. (พื้นที่ให้เช่า10,000ตร.ม.)  

ทั้งนี้  ขณะเดียวกันบริษัทได้เตรียมงบการตลาดกว่า 10 ล้านบาท เพื่อใช้ในการโปรโมต และสร้างการรับรู้ ครอบคลุมทุกช่องทาง 360 องศา และคาดว่าการเปิด เซ็นจูรี่ เดอะมูฟวี่พลาซ่า สุขุมวิท จะส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้น 30% ต่อปี และมีจำนวนลูกค้า ใช้บริการ เฉลี่ยสูงสุดถึง 1.5 หมื่นคนต่อวัน และคาดว่าประมาณ 10 ปี คืนทุนขณะที่สาขาอนุสาวรีย์ชัยฯปัจจุบันมีผู้ใช้บริการเฉลี่ยประมาณ 2-3 หมื่นคนต่อวัน ทั้งนี้ในด้านรายได้สำหรับสิ้นปีนี้บริษัทคาดการณ์รวมทั้ง 2 สาขากว่า 400 ล้านบาท แบ่งเป็นการให้เช่า พื้นที่ 80% และโรงภาพยนตร์ 20%  ซึ่งในด้านของห้องพักหรือโรงแรมบริษัทได้ตั้งเป้ากลุ่มลูกค้าสัดส่วนกว่า 30% เป็นกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยว หรือต่างชาติที่เดินทางมาทำงานหรือประชุมในประเทศไทย