ECF โต้ข่าวลือมีเอี่ยวเรื่องฉาวปั่นราคาหุ้น เล็งซื้อหุ้นคืนเรียกความเชื่อมั่น หลังราคาดิ่งฟลอร์ ย้ำเดินหน้าลุยธุรกิจต่อเนื่อง วางแผนระยะยาวขึ้นแท่นเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่เข้าลงทุนหลากหลายธุรกิจ ตั้งเป้าปี 66 รายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาท
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) เปิดเผยถึงกระแสข่าวลือที่มีการเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับผู้บริหาร "ซุปเปอร์ เทรดเดอร์ "เพื่อสร้างราคาหุ้นจนเป็นปัจจัยกดดันทำให้ราคาหุ้น ECF ร่วงลงติดฟลอร์เมื่อวานนี้ (10 ต.ค.61) โดยยอมรับว่ารู้จักกับนายกระทรวง จารุศิระ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ โฮลดิ้ง จำกัด เนื่องจากนายกระทรวงได้มานำเสนอแผนการลงทุนในธุรกิจมาให้พิจารณาเมื่อ 1-2 เดือนก่อนหน้านี้ แต่ไม่ได้มีเรื่องเกี่ยวกับการสร้างราคาหุ้น
ส่วนการเข้ามาถือหุ้น ECF ของตระกูล "จารุศิระ" นั้นบิดาของนายกระทรวงได้เข้ามาทำรายการซื้อหุ้น ECF บิ๊กล็อตช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.ที่ผ่านมา จากบิดาของตนเอง คือนายวัลลภ สุขสวัสดิ์ ผ่านการแนะนำของนายชาลี สุขสวัสดิ์ ผู้เป็นพี่ชาย
อย่างไรก็ดี บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาซื้อหุ้นคืนเรียกความเชื่อมั่น แต่ต้องรอหลังประกาศงบการเงินไตรมาส 3/61 ก่อนเพื่อให้มีความโปร่งใส และจะพิจารณาให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆด้วย ซึ่งบริษัทวางแนวทางการซื้อหุ้นคืนเป็นไปได้ทั้ง 2 แนวทาง คือ การซื้อในนามบริษัท และการซื้อในนามส่วนตัว
สำหรับการดำเนินธุรกิจของ ECF ยังคงตั้งเป้ารายได้เติบโตแตะ 1 หมื่นล้านบาทภายในปี 3-5 ปี (62-66) โดยจะเข้าลงทุนขยายธุรกิจในทุกรูปแบบ โดยในวันที่ 9 พ.ย.61 นี้ บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เพื่อพิจารณาเข้าซื้อธุรกิจไอทีรายใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศ ซึ่งหากดีลเป็นผลสำเร็จจะสนับสนุนผลประกอบการของบริษัทให้เติบโตก้าวกระโดด และในอนาคตอาจจะมีการผลักดันบริษัทดังกล่าวให้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ด้วย
ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายในระยะยาวจะเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่เข้าลงทุนในหลากหลายธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตและกระจายความเสี่ยงในอนาคต โดยบริษัทยังคงมองหาการเข้าซื้อกิจการและการร่วมลงทุนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการต่อยอดจากธุรกิจเดิม หรือธุรกิจใหม่ ขณะที่บริษัทมองว่าภายใน 3 ปี บริษัทจะมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ 30% ธุรกิจโรงไฟฟ้า 30% ธุรกิจไอที 30% และอื่น ๆ อีก 10%
