ในที่สุดค่ายแบล็คเบอร์รี่ รัฐวิสาหกิจสัญชาติแคนาดาที่กำลังตกอับจากการขาดทุนต่อเนื่องยาวนานกว่า 3 ปี ก็พบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เมื่อได้รับน้ำใจจากกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดที่แสดงเจตนาพร้อมทุ่มเงิน 4,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าโอบอุ้ม

"กลุ่มแฟร์แฟกซ์ไฟแนนเชียลโฮลดิ้ง" ซึ่งครอบครองหุ้นแบล็คเบอร์รี่อยู่แล้วร้อยละ 9.9 และถือเป็นผู้ถือหุ้นแบล็คเบอร์รี่รายใหญ่ที่สุด คือผู้แสดงเจตนาเสนอขอซื้อหุ้นทั้งหมดของแบล็คเบอร์รี่ ในราคาหุ้นละ 9 ดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดหมายว่าจะต้องใช้เงินรวมกันเป็นจำนวนสูงถึง 4,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 142,000 ล้านบาท

ราคาหุ้นแบล็คเบอร์รี่ที่กลุ่มแฟร์แฟกซ์เสนอซื้อที่อัตรา 9 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น นับเป็นระดับราคาที่สูงกว่าราคาตลาด ณ วันที่ 20 กันยายน ถึงร้อยละ 3.1 ซึ่งสร้างความงุนงงสงสัยแก่บรรดานักวิเคราะห์การลงทุนอย่างยิ่ง

ในทรรศนะของเหล่านักวิเคราะห์ตั้งข้อสงสัยว่ากลุ่มแฟร์แฟกซ์มีความจำเป็นอะไรบางประการที่ถูกซ่อนเร้นปิดบัง มิเช่นนั้นแล้วไม่มีเหตุผลใดๆทั้งสิ้นที่จะต้องเสนอขอซื้อหุ้นแบล็คเบอร์รี่ทั้งหมด ทั้งที่เสนอซื้อเพียงร้อยละ 41.1 เพื่อสมทบกับหุ้นเดิมที่มีอยู่ร้อยละ 9.9 เป็นร้อยละ 51 ก็สามารถควบคุมกิจการแบล็คเบอร์รี่ได้เต็มที่อยู่แล้ว

ความสงสัยของนักวิเคราะห์ที่ยังคงเป็นปริศนาอีกประการหนึ่งคือราคาเสนอซื้อที่สูงกว่าตลาด ทั้งๆที่กิจการแบล็คเบอร์รี่เป็นกิจการที่ขาดทุนต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะต้องประสบผลขาดทุนต่อไปอีกในอนาคต เนื่องจากไม่มีวี่แววว่าค่ายนี้จะปรับปรุงฟื้นฟูประสิทธิภาพการแข่งขันขึ้นมาทวงส่วนแบ่งตลาดที่สูญเสียไป คืนจากไอโฟน ของค่ายแอปเปิล และแกแล็คซี่ ของค่ายซัมซุง

ทุกวันนี้กระแสนิยมของผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่มีต่อแบล็คเบอร์รี่ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกตลาดสมาร์ทโฟนรายแรกของโลกเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว มีความเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ค่ายแอปเปิล เปิดตัวไอโฟนเมื่อปี 2550 เป็นต้นมา

ส่วนแบ่งตลาดระบบปฏิบัติการแบล็คเบอร์รี่ในตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก ณ ขณะนี้ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 4 ต่อท้ายแอนดรอยด์ ของค่ายกูเกิล และไอโอเอส ของค่ายแอปเปิล รวมทั้งวินโดวส์ ของค่ายไมโครซอฟท์ ด้วยอัตราส่วนแบ่งตลาดเพียงร้อยละ 2.9 เท่านั้น

อย่างไรก็ตามเบื้องหลังก่อนที่กลุ่มแฟร์แฟกซ์จะเปิดเกมเสนอ "กินรวบ" แบล็คเบอร์รี่ มีการเคลื่อนไหวที่น่าจับตาอย่างยิ่งเกิดขึ้นอย่างน้อย 2 ประการ

ประการแรก "เปรม วัตสา" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มแฟร์แฟกซ์ ได้พบปะพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับ "ไมค์ ลาซาริดิส" ผู้ร่วมก่อตั้งแบล็คเบอร์รี่ที่ครอบครองหุ้นแบล็คเบอร์รี่อยู่ร้อยละ 5.7 และเพิ่งตัดสินใจสละตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของแบล็คเบอร์รี่เมื่อปี 2555

ประการที่สอง "เปรม วัตสา" ประกาศ "ลาออก" จากคณะกรรมการของแบล็คเบอร์รี่ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาว่าด้วยผลประโยชน์ทับซ้อนในการทำรายการเสนอขอซื้อกิจการ

สำหรับกลุ่มที่ปรึกษาที่มีบทบาทสำคัญในการทำรายการ ซื้อขายระหว่างกลุ่มแฟร์แฟกซ์ กับแบล็คเบอร์รี่ในครั้งนี้ประกอบด้วย J.P.Morgan Chase {amp} Co และ Perella Weinberg ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ฝ่ายแบล็คเบอร์รี่ ขณะที่ Skadden Arps Slate และ Meagher {amp} Flom Torys ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่กลุ่มแฟร์แฟกซ์

คู่ขนานเคียงข้างไปกับการดิ้นรน เพื่อความหลุดพ้นจากวังวนการขาดทุนซ้ำซากของค่ายแบล็คเบอร์รี่ ผลการดำเนินงานของคู่แข่งสำคัญอย่างค่ายแอปเปิล กลับดีวันดีคืน

ยอดขายไอโฟน 5-เอส และ 5 ซี ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของครอบครัวแอปเปิล ที่ปล่อยอาละวาดเป็นประเดิมใน 11 เขตเศรษฐกิจทั่วโลกได้แก่อเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อังกฤษ เปอร์โตริโก้ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง และจีน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ได้รับการต้อนรับจากเหล่าสาวกไอโฟนอย่างอบอุ่น

ปริมาณการขายไอโฟน 2 รุ่นล่าสุดเฉพาะช่วง 3 วันแรกของการจำหน่ายพุ่งพรวดขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 9 ล้านเครื่อง

ในจำนวนนี้เป็นยอดขายที่กระจุกตัวอยู่ในประเทศจีนที่เดียวถึง 1,350,000 เครื่อง หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15 ของยอดจำหน่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วง 3 วัน