เผยโฉม “นายกสมาคมการขายตรงไทย” คนล่าสุด พร้อมคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ประกาศสานต่อนโยบาย “4C Plus” รับมือการเปลี่ยนแปลงยุคดิจิทัล เน้นพัฒนาบุคลากรขายตรงปรับตัว ก้าวทันโลกยุคดิจิทัล ควบคู่ทำตลาดออฟไลน์คือหัวใจนักธุรกิจขายตรง พร้อมมุ่งมั่นส่งเสริมมาตรการป้องกันเครือข่าย Money Game และแชร์ลูกโซ่แฝงสู่ธุรกิจขายตรง หนุนการเติบโตยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมการขายตรง ผ่านกลยุทธ์น่านน้ำสีขาว (White Ocean) หวังขยายฐานสมาชิกเติบโต
นายสุเทพ ยืนยงค์วิทยากุล นายกสมาคมการขายตรงไทย กล่าวว่า หลังจากได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมการขายตรงไทยคนใหม่ ตนเองวางแผนว่าในวาระ 2 ปี (กรกฎาคม 2561-มิถุนายน 2563) ของการดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ จะยังคงสานต่อนโยบายเดิมในการผลักดันการเติบโตต่อเนื่องให้กับอุตสาหกรรมการขายตรงไทย พร้อมปณิธานใหม่ที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมขายตรง ด้วยการดูแลและตอบแทนสิ่งดีๆ คืนสู่สังคม ขณะเดียวกันจะส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรในสายขายตรงให้รู้จักปรับตัว ก้าวให้ทันกับโลกสมัยใหม่ในยุคดิจิทัล ภายใต้นโยบาย “4C Plus” ที่จะนำพาอุตสาหกรรมขายตรงไทย ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องบนโลกดิจิทัลเพื่อก้าวทันกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ”
ประกอบด้วย 1.Core Culture คือการส่งเสริมและปลูกฝังการมีจิตวิญญาณการเป็นผู้ประกอบการ และนักธุรกิจขายตรงที่ยึดมั่นในคุณธรรมและจรรยาบรรณ 2.Community & Charity การเสริมสร้างภาพลักษณ์อุตสาหกรรมขายตรงไทยและการทำความดีตอบแทนสังคม 3.Competitiveness & Righteousness การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่บริษัทสมาชิก และนักธุรกิจขายตรงให้เข้าถึงเทคโนโลยีสื่อสารสมัยใหม่อย่างรวดเร็วบนพื้นฐานการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง และ 4.Connection & Development การเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง รวมถึงคุ้มครองสิทธิและประโยชน์ของผู้บริโภค ตลอดจนการสร้างสายสัมพันธ์ ความสามัคคีของกลุ่มสมาชิกในสมาคม และการขยายฐานสมาชิกให้เพิ่มมากขึ้น
นายกสมาคมการขายตรงไทยคนใหม่ กล่าวต่อว่า สำหรับถึงทิศทางของอุตสาหกรรมขายตรงไทยปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 71,000 ล้านบาท และในปี 2561 คาดว่าตลาดจะเติบโตราว 3% จากปี 2560 โดยการเติบโตที่ต่อเนื่องนั้นมาจากปัจจัยด้านความเอาใจใส่ของผู้บริโภคทั้งในเรื่องสุขภาพและความงาม และยังคงเป็นแนวโน้มที่ดีต่อไป ซึ่งผู้บริโภคยินดีจะจ่ายเงินเพิ่มมากขึ้นเพื่อซื้อสินค้าที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ดีกว่า สอดคล้องกับตลาดขายตรงที่ผู้ประกอบการต่างให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้ากลุ่มสุขภาพและความงามที่มีนวัตกรรมและแตกต่าง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ขณะเดียวกันเทรนด์ของผู้บริโภคที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตามคำแนะนำของเพื่อนมีมากขึ้นในยุคดิจิทัล เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตของตลาดขายตรงอย่างไรก็ตามปัญหาเรื่องเครือข่าย Money Game และแชร์ลูกโซ่ที่เน้นให้ผลตอบแทนจากแผนการลงทุนที่ผิดกฎหมาย ซึ่งยังคงแฝงตัวอยู่ในอุตสาหกรรมขายตรงไทยนั้น นับเป็นปัญหาเรื้อรังและจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยสมาคมฯ จะมุ่งให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับธุรกิจขายตรงผ่านสถาบันการศึกษา และประชาชนทั้งในภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง เช่นการจัดงานมหกรรม หรือการออกไปโรดโชว์ ตามพื้นที่และจังหวัดต่างๆ เพื่อให้เป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ข้อมูลเพื่อให้ผู้บริโภคไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของเรื่องดังกล่าว
นอกจากนี้ ภายใต้ยุคดิจิทัลซึ่งเทคโนโลยีต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และได้เข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมขายตรงด้วยนั้น ตนเองเห็นว่าผลกระทบต่อธุรกิจขายตรงนั้นมีทั้งด้านที่ดีและด้านที่ควรต้องปรับปรุง โดยการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ หรือโซเชียล มีเดีย ซึ่งสร้างการเติบโตอย่างรวดเร็วและครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่นั้น ทำให้มีการพัฒนารูปแบบการจัดประชุมและการจัดอบรมออนไลน์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ทันสมัย แต่อาจหลงลืมประโยชน์ที่เคยได้รับจากการทำตลาดแบบ Offline ซึ่งเน้นให้คุณประโยชน์ในด้านการสร้างสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับลูกค้า ส่งผลกระทบทำให้สายใยและสายสัมพันธ์ในการทำธุรกิจห่างเหินออกไป หรือ เรียกว่า Hitech–Low Touch จากปัจจัยการเปลี่ยนแปลงนี้ ทางสมาคมฯ เล็งเห็นว่าควรจะช่วยกันปลูกฝังวัฒนธรรม ค่านิยม และแนวคิด เพื่อให้นักธุรกิจหันมาให้ความสำคัญในการทำธุรกิจให้โดดเด่นทั้งด้าน Online Marketing และ Offline Marketing เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ในแบบ Hitech–Hi Touch และได้ทำธุรกิจแบบ Win–Win
“จากเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี จะให้ผลบวกกับธุรกิจขายตรงเป็นอย่างมาก หากผู้ประกอบการและนักธุรกิจสามารถนำมาใช้อย่างถูกต้อง และสมาคมฯ ได้เตรียมการให้ความรู้เกี่ยวกับ Digital ให้กับบริษัทสมาชิกให้สามารถปรับตัวพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงผ่านการเทรนนิ่งให้กับ CEO ของบริษัทสมาชิก เพื่อให้นำแนวคิดไปต่อยอดในการทำธุรกิจ”