นายกมลดิษฐ สมุทรโคจร รองกรรมการผู้จัดการ และ Chief Productions Officer (CPO) กลุ่มโรงงาน บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า จากแผนนโยบายทิศทางการเติบโตของเครื่องดื่มบำรุงกำลังภายใต้เครื่องหมายการค้าคาราบาวแดงและคาราบาว ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ คาราบาวกรุ๊ป (CBG) ได้ย้ายสายการผลิตทั้งหมดมารวมกันที่ศูนย์กลางผลิตแห่งใหม่ ตั้งอยู่ที่อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ภายในพื้นที่ 180 ไร่ ตามโครงการขยายกำลังผลิตเชิงบูรณาการแนวดิ่ง อันประกอบด้วยโรงงานผลิตขวดแก้ว (APG) โรงงานบรรจุสินค้าเครื่องดื่มชู กำลัง (CBD) และโรงงานผลิตกระป๋องอะลูมิเนียม (ACM) ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับบริษัท SHOWA DENKO Group จากญี่ปุ่น โดยใช้งบลงทุนกว่า 2,200 ล้านบาทในการก่อสร้างโรงงานผลิตกระป๋อง ทำให้คาราบาวกรุ๊ปมีกำลังการผลิตกระป๋องของตัวเองถึง 1,000 ล้านกระป๋องต่อปี ซึ่งเป็นการผลิตผลิตภัณฑ์รูปแบบกระป๋องเพื่อการส่งออกโดยเฉพาะ
ทั้งนี้ การร่วมทุนกับ SHOWA DENKO Group ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของบริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมรายใหญ่ที่สุดด้วยฐานการผลิตและมีศูนย์สนับสนุนทางเทคนิคถึง 3 แห่งในประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในก้าวสำคัญที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มบริษัทที่จะต่อยอดธุรกิจแบบครบวงจรสู่อุตสาหกรรมต้นน้ำและสานต่อเป้าหมายของเราที่จะเป็นที่หนึ่งในธุรกิจ การมีโรงงานผลิตกระป๋องอะลูมิเนียมของคาราบาวเอง นอกจากจะลดการพึ่งพิงกระป๋องอะลูมิเนียมที่จัดหาจากบุคคลภายนอกและสนับสนุนการเติบโตของเครื่องดื่มบำรุงกำลังภายใต้เครื่องหมายการค้าคาราบาวในต่างประเทศ รวมถึงช่วยลดต้นทุนแล้ว ยังจะช่วยเพิ่มผลกำไรได้ในระยะยาวอีกด้วย
ด้าน นายกฤษณ์พงษ์ นิลวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด กล่าวต่อว่า เพื่อให้ดำเนินไปตามแผนการตลาดของคาราวบาว ที่ต้องการจะเป็นที่หนึ่งของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังภายใน 3 ปี ในประเทศไทย พร้อมตอกย้ำการเป็นผลิตภัณฑ์ระดับโลก ปีนี้บริษัทจะปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้มีความทันสมัย เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยครึ่งปีหลังปี 2561 ใช้งบการตลาดกว่า 100 ล้านบาท จัดกิจกรรส่งเสริมการขายและโปรโมชั่นมากขึ้นในรายพื้นที่ รวมถึงทำการตลาดในช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อายุต่ำกว่า 40 ปีลงมาพบว่ามีอัตราการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเพิ่มขึ้น 102% รวมทั้งแผนขยายช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ คาราบาว แคน (กรีนแอปเปิล) ที่วางจำหน่ายเฉพาะในเซเว่นอีเลฟเว่น 3 เดือน จะครบกำหนดในเดือน ก.ย นี้ มีแผนที่จะขยายเวลาจำหน่ายเพิ่ม รวมถึงเพิ่มช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ ทั้งโมเดิร์นเทรด และเทรดิชันนัลเทรด และปีหน้าจะเพิ่มรสชาติใหม่อีก 1-2 รสชาติ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกภาพรวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลังจะมีการดรอปตัวลงบ้าง จากมูลค่าตลาดชูกำลังในรูปแบบกระป๋อง 1,000 ล้านบาท อันดับหนึ่งคือ เรดบูลเอ็กซ์ตร้า คาราบาวแดงเป็นอันดับสอง และอันดับสามคือ ชาร์ค คาราบาวแดง มั่นใจว่าจะมีรายได้ตามที่วางไว้ ในไตรมาสสอง ผลประกอบการทำได้กว่า 7,047 ล้านบาท กำไร 390 ล้านบาท โต 47%