Toggle navigation
วันอังคาร ที่ 24 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
สหรัฐฯปลดล็อกงบ-หนี้ชั่วคราว เศรษฐกิจโลกโล่งลุ้นต่อต้นปีหน้า
สหรัฐฯปลดล็อกงบ-หนี้ชั่วคราว เศรษฐกิจโลกโล่งลุ้นต่อต้นปีหน้า
วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556
Tweet
ทั่วโลกคลายกังวล หลังรัฐสภาสหรัฐฯ ลง มติผ่านความเห็นชอบร่างกฎหมายขยายเพดาน หนี้ และเปิดหน่วยงานรัฐตามปกติ ปลดล็อกวิกฤติงบประมาณ ที่ชะงักงันกว่า 2 สัปดาห์ หลุด พ้นจากหายนะผิดนัดชำระหนี้ได้หวุดหวิด ทั่วโลก ชื่นชม ชี้หากผ่าทางตันไม่สำเร็จกระทบทั่วโลกแม้ ต้องไปลุ้นอีกรอบต้นปีหน้า
ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ของสหรัฐฯ เซ็นลงนาม ในร่างกฎหมายข้อตกลงยืดเพดานหนี้ออกไปชั่วคราวเป็นวันที่ 7 ก.พ.ปีหน้า และเปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลกลางเป็นการ ชั่วคราวไปจนถึงวันที่ 15 ม.ค.ปีหน้า หลังจากที่สภาคองเกรสสามารถตกลงร่วมกันในการอนุมัติกฎหมาย 2 ฉบับเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยข้อตกลงดังกล่าวที่มีขึ้น ก่อนจะถึงกำหนดเส้นตาย ที่มาตรการพิเศษเพื่อช่วยเลี่ยงภาวะหนี้ชนเพดานสหรัฐฯจะหมดลงในวันที่ 17 ต.ค.นี้ช่วยให้สหรัฐฯ ไม่ตกอยู่ในภาวะเสี่ยง ผิดนัดชำระหนี้ เนื่องจากหากพรรคฝ่ายรัฐบาลเดโมแครตและฝ่ายค้านรีพับลิกันในสภาไม่สามารถหาทางประนีประนอม ความขัดแย้งด้านการคลังได้ รัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่สามารถกู้เงิน เพิ่มได้ และจะทำให้มีเงินเหลือแค่ 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะมีไม่มากพอที่จะจ่ายหนี้พันธะหนี้ที่มีอยู่ได้
นอกจากนี้ ผลจากการเซ็นลงนามกฎหมายการเปิดหน่วย งานรัฐบาลกลางของผู้นำสหรัฐฯ จะทำให้พนักงานและลูก จ้างราว 3.5 แสนคน ที่ถูกพักงานไปจากผลการปิดตัวของหน่วยงานรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา สามารถกลับเข้าทำงานได้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 17 ต.ค.นี้ พร้อมกับรับเงินค่าจ้างตามเดิม
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ คาดว่า ปัญหาความชะงักงัน ทางด้านนโยบายการคลังของสหรัฐฯ จะยุติลงชั่วคราวหรือแค่พักยกเท่านั้น และทั้ง 2 พรรคน่าจะกลับมางัดข้อกันอีกครั้งในต้นปีหน้า เพราะประเด็นความขัดแย้งหลักในเรื่อง "การปฏิรูปกฎหมายประกันสุขภาพ หรือ โอบามาแคร์" ยังคงมีอยู่ต่อไป และทางแกนนำพรรครีพับลิกันได้ประกาศแล้วว่าจะหาทางกำจัดกฎหมายดังกล่าวและลดระดับหนี้ของสหรัฐฯ ให้ได้
ทั้งนี้ มูดีส์ และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ หรือ "เอสแอนด์พี" 2 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก คาดการณ์ว่า การปิดทำการหน่วยงานรัฐบางส่วนตั้งแต่วันที่ 1-16 ตุลาคมที่ผ่านมา อาจจะทำให้การเติบโตรายปีของสหรัฐฯ ลดลง 0.5-0.6% ในไตรมาสที่สี่
เอสแอนด์พี ระบุว่า การปิดหน่วยงานรัฐสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจของประเทศถึง 24,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 740,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสสุด ท้ายปรับตัวลดลง และความเชื่อมั่นของสหรัฐฯ ในสายตาชาวโลก ลดลงด้วย เนื่องจากลูกจ้างรัฐหลายแสนคนต้องถูกพักงานโดยไม่ แน่ใจว่าจะได้รับเงินเดือนหรือไม่ ขณะที่การทำสัญญากับภาครัฐก็ต้องล่าช้าออกไป และอุทยานแห่งชาติ ซึ่งช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวก็ต้องหยุดทำการชั่วคราว
ขณะที่ทั่วโลกได้ออกมาชื่นชมการแก้ปัญหาของสหรัฐฯ โดยนางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ กล่าวชื่นชมสภาคองเกรสของสหรัฐฯ ที่สามารถรอดพ้นวิกฤติการเงิน ด้วยการบรรลุข้อตกลงขยายเพดานการชำระหนี้ได้
ฮัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวว่า จีนขานรับความคืบหน้าในการรับมือกับประเด็นเหล่านี้จนสำเร็จลุล่วงของทางสหรัฐฯ ในฐานะที่เป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก การยุติเรื่องนี้อย่างเหมาะสมถือเป็นประโยชน์สำหรับสหรัฐฯ และเสถียรภาพของเศรษฐกิจทั่วโลก
จิโร่ ไอชิ รัฐมนตรีช่วยอาวุโสกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ญี่ปุ่นขานรับที่สหรัฐฯ สามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระ หนี้ได้สำเร็จ เพราะการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบ ต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินทั่วโลก ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นกังวลว่าการผิดนัดชำระหนี้อาจจะทำให้ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบ กับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งท้ายที่สุดก็จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของญี่ปุ่นตามมา ปัญหางบประมาณของสหรัฐฯ อาจจะทำให้มูลค่าของตราสารหนี้ของสหรัฐฯ ที่ญี่ปุ่นที่ถือครองอยู่ลดลง
เมื่อช่วงสิ้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นถือครองตราสารหนี้สหรัฐวงเงิน 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นประเทศที่ถือครองตราสารหนี้รายใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากจีน ซึ่งถือครองตราสารหนี้ 1.2 พันล้านดอลลาร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ