ท่ามกลางสงครามการเมืองบนเวทีการเมืองอเมริกัน ที่ห้ำหั่นกันระหว่างพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกัน กระทั่งเป็นชนวนเหตุแห่งวิกฤติงบประมาณและนำไปสู่เหตุการณ์ "Government Shutdown" ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา กลับปรากฏชื่อ "มาริสสา เมเยอร์" ชาวอเมริกัน วัยเพียง 38 ปี ได้รับยกย่องให้เป็นนักธุรกิจสตรีที่อายุน้อยที่สุด แต่ทรงอิทธิพลอย่างสูงในโลกธุรกิจ และได้รับค่าตอบแทนสูงลิ่วถึงเดือนละ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นิตยสารฟอร์จูน ฉบับล่าสุด ได้ตีพิมพ์เผยแพร่รายชื่อ 50 นักธุรกิจหญิงผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดในโลกธุรกิจประจำปีนี้โดยพิจารณาจากขนาดธุรกิจ ผลประกอบการ และบทบาทต่อสังคมธุรกิจ ซึ่งปรากฏว่าชื่อของ "มาริสสา เมเยอร์" ประธานกรรมการบริหารและประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร ค่ายยาฮู วัย 38 ปี ซึ่งเพิ่งจะให้กำเนิดบุตรชายเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ภายหลังจากที่เธอเข้าทำงานกับค่ายยาฮูได้เพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น ถือเป็นชื่อที่มีความน่าสนใจอย่างที่สุด แม้จะเป็นชื่อที่ถูกจัดให้เป็นสุภาพสตรีผู้ทรงอิทธิพลในลำดับที่ 8 ก็ตาม

ความน่าสนใจอย่างยิ่งของผู้หญิงคนนี้อยู่ตรงที่เธอถือเป็นสุภาพสตรีผู้ทรงอิทธิพลแห่งโลกธุรกิจประจำปีนี้ที่มีอายุน้อยที่สุด และเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและเก่งรอบตัว

มาริสสา เมเยอร์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและโท ด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และเข้าร่วมบุกเบิกสร้างความยิ่งใหญ่แก่อาณาจักรธุรกิจกูเกิล โดยมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์และทำให้คนทั้งโลกรู้จักกูเกิลในทุกรูปแบบทั้งกูเกิลเซิร์ช กูเกิลแม็พ กูเกิลอิมเมจ กูเกิลนิวส์ และจีเมล ตลอดระยะเวลา 13 ปี

เธอตัดสินใจเดินออกจากกูเกิล ไปแสวงหาความท้าทายใหม่ในค่ายยาฮู ในตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร และประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารที่นั่น โดยได้รับการเสนอค่าตอบแทนเดือนละ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ชีพจรธุรกิจของค่ายยาฮูกำลังเป็น "ขาลง"

พลันที่เธอก้าวเข้าไปกุมบังเหียนในยาฮู ชีพจรธุรกิจที่กำลังเป็นขาลง กลับกลายเป็นขาขึ้น กระทั่งบรรดานักลงทุนทั้งหลายได้แต่ปากอ้าตาค้างอย่างเหนือความคาดหมาย

ทีเด็ดที่เธอนำมาใช้พลิกฟื้นชีพจรธุรกิจแก่ยาฮู คือการแสวงหาโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ ที่มีอนาคตสดใส แล้วก้าวเข้าไปสร้างสัมพันธภาพที่ดี เพื่อพัฒนาธุรกิจให้เติบโตไปด้วยกัน

สำหรับสุภาพสตรีผู้ทรงอิทธิพลแห่งโลกธุรกิจประจำปีนี้ในลำดับที่ 1 คือ กินนี่ โรเมทตี้ ประธานกรรมการ ประธานกรรมการบริหารและประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร วัย 56 ปีแห่งค่ายไอบีเอ็ม ผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในการนำไอบีเอ็มรุกเข้าไปในตลาดใหม่ และสามารถสร้างรายได้ สร้างผลกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

นักธุรกิจสตรีผู้ทรงอิทธิพลแห่งโลกธุรกิจลำดับที่ 2 คือ อินทรา นูยี ประธานกรรมการและประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร วัย 57 ปี แห่งค่ายเป๊ปซี่โค ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขยายฐานธุรกิจเข้าสู่ตลาดโซดา และตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่างโยเกิร์ต

ลำดับที่ 3 ในทำเนียบ 50 นักธุรกิจสตรีผู้ทรงอิทธิพลแห่งโลกธุรกิจของนิตยสารฟอร์จูนในรอบปีนี้ คือ เอลเลน คูลแมน ประธานกรรมการ และประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร วัย 57 ปี แห่งค่ายดูปองท์ ผู้นำการยกเครื่องธุรกิจเครือดูปองท์ เข้าสู่ธุรกิจที่มีอัตรา ผลตอบแทนสูง

ลำดับที่ 4 คือ มาริลลีน เฮวสัน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร วัย 59 ปี แห่งค่ายล็อคฮีทมาร์ติน ซึ่งใช้พลังความสามารถสร้างผลกำไรที่ดีแก่อาณาธุรกิจผลิตและจำหน่ายยุทโธปกรณ์ อันดับ 1 ของโลก

ลำดับที่ 5 คือ เชอรีล แซนด์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ วัย 44 ปี แห่งค่ายเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการนำเฟซบุ๊กเข้าสู่ตลาดเกมคอมพิวเตอร์บนมือถือ และสร้างรายได้มหาศาลแก่เฟซบุ๊ก

ลำดับ 6 คือ ไอรีน โรเซนฟิลด์ ประธานกรรมการ และประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร วัย 60 กะรัตแห่งค่ายมอนเดเลซอินเตอร์เนชั่นแนล

ลำดับ 7 คือ แพทริเซีย โวทซ์ ประธานกรรมการ ประธานกรรมบริหาร และประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร วัย 60 ปี แห่งค่ายอาร์เชอร์แดเนียลส์มิดแลนด์ ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจการเกษตร

ลำดับที่ 9 คือ เม็ก วิทแมน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร วัย 57 ปี แห่งค่ายเอชพี

ลำดับที่ 10 คือ อาบิเกล จอห์นสัน ประธานกรรมการบริหาร วัย 51 ปี แห่งค่ายฟิเดลิตี้อินเวสเมนท์ ซึ่งมีหลักทรัพย์ในความดูแลรับผิดชอบมหึมาถึง 4.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับนักธุรกิจหญิงผู้ทรงอิทธิพลแห่งโลกธุรกิจที่มีความสูงวัยที่สุดสำหรับปีนี้คือคุณป้า "บอนนี่ แฮมเมอร์" ประธานกรรมการ วัย 63 ปี แห่งค่ายเอ็นบีซียูนิเวอร์แซลเคเบิลเอ็นเตอร์เทนเมนท์กรุ๊ป ในเครือคอมแคสท์