ถ้าให้นึกถึงจังหวัดที่ขึ้นชื่อในเรื่องผลไม้ รสชาติ อร่อย หลากหลาย อย่างเช่น ทุเรียน, เงาะ, ส้มโอ,ชมพู่,มังคุด,ลองกอง,ระกำ เป็นต้น คงจะหนีไม่พ้นจังหวัดภาคตะวันออกอย่าง จันทบุรี ระยอง ตราด เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์ ดินฟ้าอากาศเอื้ออำนวยต่อการปลูกผลไม้หลายชนิด วันนี้ ทางทีมงานสยามธุรกิจ จึงได้เดินทางไปพูดคุยกับเจ้าของสวนผลไม้กันถึงแหล่งที่จังหวัดจันทบุรีกันเลย เพื่อพูดคุยถึงเคล็ดลับและวิธีการปลูกผลไม้อย่างไรให้ผลผลิตดีและส่งขายได้กำไรงาม
โดย คุณ วันชัย อิงขนร นายกเทศมนตรี ต.พ่วง อ.เชาคิชกุฎ จ.จันทบุรี เล่าให้ “สยามธุรกิจ” ฟังว่า ตนได้ปลูกพืชสวนผสมทั้งมังคุด 300 กว่าต้น เงาะ 200 กว่าต้น และลองกอง 100 กว่าต้น ซึ่งได้หันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ของสยามธุรกิจ 100% ทั้งสูตรโชบุ พลัส ซุปเปอร์ริชชี่โกร์ว และซุปเปอร์ริชชี่เพาเวอร์ เนื่องจากเมื่อเดือน พ.ค. 2559 ที่ผ่านมาได้ทดลองใช้ ซึ่งได้ผลผลิตที่ดีเกินคาด หลังจากนั้นในปี 2560 ที่ผ่านมาก็ได้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ของสยามธุรกิจเต็มระบบ 100%
“ได้เคยทดลองใช้ปุ๋ยอินทรีย์มาแล้วแต่ไม่ได้ผลเท่าปุ๋ยเคมี แต่การใช้ปุ๋ยเคมีนั้น ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเลย เนื่องจากไส้เดือนก็อยู่ไม่ได้ จักจั่นก็อยู่ไม่ได้เพราะดินเค็ม จึงหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์จากท้องตลาดทั่วไป ซึ่งไม่ได้ผลเลย และเมื่อเห็นของสยามธุรกิจซึ่งเป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือจึงทดลองเปิดใจใช้ปุ๋ยอินทรีย์อีกครั้ง เมื่อลองใช้เมื่อกลางปี 2559 ที่ผ่านมา ผลผลิตเติบโตเกินคาด จึงตัดสินใจทิ้งปุ๋ยอินทรีย์ที่เคยซื้อมา และยังเหลือค้างสต็อกอีก 5 กระสอบไป และหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ของสยามธุรกิจเต็มระบบในปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งก็มียอดขายที่เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะสามารถสร้างยอดขายรวมทั้งมังคุด เงาะ และลองกอง จำนวนถึง 4 ล้านบาท”
เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2561 ก็เจอปัญหาในเรื่องสภาพอากาศที่แปรปรวน ฝนตกไม่ตรงตามฤดูกาล ส่งผลให้ชาวสวนมังคุด เงาะ และทุเรียน ได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน เพราะดอกไม่ออก ซึ่งชาวเกษตรทั่วทั้งจังหวัดจันทบุรีประสบปัญหานี้ด้วยกันทั้งสิ้น และตนก็เริ่มถอดใจแล้วว่าปีนี้อาจจะไม่ได้ผลผลิตแน่นอน แต่เมื่อลงพื้นที่ดูสวนก็แปลกใจที่ดอกมังคุดยังออกดี และไม่ประสบปัญหาใดๆ เลย แถมใบยังสวยขึ้น ลูกก็เยอะขึ้น ผิวมังคุดสวยงามขึ้น จึงเชื่อว่าปีนี้จะสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมาแน่นอน
“เมื่อใช้ปุ๋ยอินทรีย์ของสยามธุรกิจเต็มระบบแล้วใบมังคุดจะมีมากขึ้น ถ้าเปิดใบขึ้นมาจะมีลูกมังคุดออกเป็นจำนวนมาก ถ้าคนทั่วไปมองจากข้างนอกจะมองไม่เห็นเพราะใบดกปกคลุมลูกเอาไว้ และมังคุดที่สวนเริ่มออกลูกตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค. 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศแปรปรวนมาก ฝนก็หลงฤดู ซึ่งได้ทำใจไว้แล้วว่าอาจจะไม่ออกดอก แต่ผิดคาดมาก ดอกมังคุดออกมาดี โดนฝนไม่ร่วง ติดทุกช่อ ซึ่งได้ผลดีมากเกินคาด ที่สำคัญปุ๋ยอินทรีย์ยังคืนความสมดุลให้กับดินด้วย เพราะไส้เดือนก็กลับมาอยู่ จักจั่นก็มาอยู่อาศัยได้ ซึ่งเป็นอินทรีย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของจริง”
สำหรับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ของสยามธุรกิจ สูตรซุปเปอร์ริชชี่โกร์ว และซุปเปอร์ริชชี่เพาเวอร์ นั้น จะฉีดพ่นเพียงละอองบางๆ บริเวณปากใบพืช เพื่อได้รับสารอาหารที่ตรงจุดของมังคุด ช่วงที่เหมาะสมในการฉีดพ่นก็คือ ช่วงตี 4 – ช่วง 10 โมงเช้า เพราะปากใบพืชจะเปิด เพราะตั้งแต่ช่วง 11 โมงเป็นต้นไป ใบมังคุดสังเคราะห์แสง เพื่อไปนำไปปรุงอาหารให้กับทุกส่วนของมังคุด และอีกช่วงที่เหมาะสมในการฉีดพ่นก็คือช่วงกลางคืน
“ผมมีต้นมังคุดอายุ 57 ปี จำนวน 60 กว่าต้น อายุ 56 ปี จำนวน 127 ต้น อายุ 54 ปี จำนวน 100 กว่าต้น ซึ่งเชื่อว่าต่อต้นจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ประมาณต้นละ 200 กิโลกรัม และจะทำเงินได้ประมาณ 40,000 บาท ต่อต้น และเรามีต้นทุนเรื่องปุ๋ยอินทรีย์ต่อต้นเพียงแค่ 60 บาทเท่านั้น ที่เหลือก็คือกำไร จึงขอยืนยันว่า หลังจากจากใช้ปุ๋ยอินทรีย์ของสยามธุรกิจเต็มระบบทั้ง 2 ปี มีความภาคภูมิใจมากที่สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้ และถ้าใช้ให้ถูกวิธีจะเกิดประโยชน์กับชาวเกษตรเป็นอย่างมาก จึงอยากให้พี่น้องชาวเกษตรลองเปิดใจมาใช้ดูแล้วจะรู้ว่าของจริงเป็นอย่างไร หรือถ้าหากอยากได้คำปรึกษาก็สามารถแนะนำให้ได้ สามารถติดต่อมาได้ที่เบอร์ 08-7109-3996”
ทั้งนี้ ตนยังได้นำปุ๋ยอินทรีย์ไปใช้กับสวนเงาะ และลองกองด้วย เพราะปุ๋ยอินทรีย์ของสยามธุรกิจ คือ สูตรเดียวที่ใช้ได้กับทุกพืช ไม่มีปัญหาในการทำไร่ผสม ที่สำคัญยังสามารถประหยุดต้นทุนได้มากกว่าปุ๋ยเคมีด้วย และหลังจากที่ใช้กับสวนเงาะก็ส่งผลให้ลูกดก สามารถขายได้ต้นละ 10,000 บาท รวมทั้งหมด 200 ต้น ก็จะสร้างรายได้ให้กับครอบครัวราว ๆ 2 ล้านบาท และก็เริ่มใช้ปุ๋ยอินทรีย์กับลองกองอย่างเต็มระบบด้วย เพราะปีที่ผ่านมาใช้แบบผ่านๆ ก็สามารถสร้างรายได้ประมาณ 2 แสนบาท และในปีนี้ใช้เต็มระบบเชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้ประมาณ 5 แสนบาท ในจำนวน 100 ต้น