“นีโอสุกี้” ลุยทำตลาดเชิงรุก ดึงแบรนด์ยุโรป-มะกันเสริมทัพ

วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

“นีโอสุกี้” ลุยทำตลาดเชิงรุก ดึงแบรนด์ยุโรป-มะกันเสริมทัพ


นายณัฐพล กัปปิยจรรยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นีโอ สุกี้ไทยเรสเทอรองส์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันมูลค่าตลาดสุกี้ในเมืองไทยมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 15,000 ล้านบาท ภาพรวมการเติบโตของตลาดรวมอยู่ที่ 10% ต่อปี นีโอสุกี้มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับสอง โดยแผนธุรกิจจะยังคงเดินหน้าลงทุนใหม่เรื่อยๆ ซึ่งในปีนี้จะลงทุนเพิ่มอีก 1 สาขา ที่จ.เชียงใหม่ รวมบริษัทจะมีสาขาทั้งสิ้นภายในปี 21 สาขา นอกจากนี้ ยังขายแฟรนส์ไชส์ให้กับอินโดนีเซีย และเวียดนาม อีก 2 สาขา โดยเฉพาะตลาดเวียดนามยอดขายดีมาก เพราะตั้งอยู่ใกล้แหล่งนิคมอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ บริษัทเมื่อปีที่แล้วยังได้เสริมธุรกิจไปอย่างไป 2 แบรนด์ ได้แก่ แบรนด์กังฟู และซุนวู ล่าสุด ได้เปิดแผนการตลาด 5 ปี คือลำดับแรกจะเข้านำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อระดมทุนในการดำเนินธุรกิจต่อไป ขณะเดียวกันได้เตรียมลงทุนทั้งสิ้น 150 ล้านบาท ล่าสุด ได้ลงทุนตั้งโรงงานไปแล้ว 50 ล้าน ที่จ.นนทบุรี เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต เนื่องจากที่โรงงานพระราม 3 ผลิตได้จำนวนจำกัด ไม่เพียงพอต่อธุรกิจที่ขยายตัวไป

ส่วนแผนดังกล่าว คาดว่าจะนำแบรนด์ใหม่ๆ มาเสริมอีกประมาณ 2 แบรนด์ รวมเป็น 5 แบรนด์ แต่จะเน้นที่เป็นแบรนด์ที่มาจากยุโรป และอเมริกา เน้นอาหารที่รับประทานง่าย เหมาะกับพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่ ส่วนการลงทุนใหม่ๆ ในประเทศจะเน้นหนักไปที่โซนบางซื่อ บางนา ลาดพร้าว ส่วนต่างจังหวัดเล็งไว้ที่ จ.ขอนแก่น จ.นครราชสีมา ซึ่งจะเน้นเข้าห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ที่ทำการตลาดมาอย่างดีแล้ว

สำหรับจุดแข็งนีโอสุกี้ จะยังคงเน้นที่คุณภาพ ต่อสู้กับคู่แข่ง จะไม่เน้นการแข่งขันเรื่องของราคา ส่วนการวางตำแหน่งสินค้าจะวางไว้ว่า นีโอสุกี้คือ สุกี้โฮมเมด เพิ่มความอบอุ่นให้แก่ครอบครัว โดยมองว่าเทรนด์ในอนาคต กระแสบุฟเฟ่ต์ จะลดลง แต่ถ้าจะอยู่ได้ตั้งเป็นแบรนด์ที่เน้นจะตลาดบน ส่วนตลาดกลาง-ล่าง แข่งขันลำบาก อาจทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กปิดตัวลง

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดจะมีความรุนแรงมาก ยิ่งขึ้น ดังนั้นจะปรับตัวด้วยการรักษาคุณภาพให้ดี รักษาฐานลูกค้าเดิมให้ได้ โดยมั่นใจว่าธุรกิจจะเติบโต12-15% หรือมีรายได้ 370-400 ล้านบาท ปัจจัยบวกที่ทำให้เติบโต คือ การขยายสาขา และเทรนด์คนรักสุขภาพยังคงแรงต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยลบที่น่าเป็นห่วงคือ เศรษฐกิจไทยเติบโตไม่กระจายตัว เช่นการส่งออกที่เติบโตเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม ทำให้เงินไม่กระจายมาถึงระบบเศรษฐกิจที่แท้จริง ไม่ก่อให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังต้องรอท่าทีการเมือง หากมีการเลือกตั้งนักลงทุนจะเข้ามาไทยมากขึ้น และทำให้เกิดการจ้างงาน และมีเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจมากขึ้น

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ