“เหล่าผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร” ประสานเสียง ทราบแจ้งสั่งห้าม ไขมันทรานศ์ จาก อ.ย. นานแล้ว พร้อมใจยกขบวน ยืนยัน เมนู “ไร้ไขมันทรานส์” ปลอดภัยต่อผู้บริโภคแน่นอน

วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

“เหล่าผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร” ประสานเสียง ทราบแจ้งสั่งห้าม ไขมันทรานศ์ จาก อ.ย. นานแล้ว พร้อมใจยกขบวน ยืนยัน เมนู “ไร้ไขมันทรานส์” ปลอดภัยต่อผู้บริโภคแน่นอน


กลายเป็นประเด็นที่ค่อนข้างฮือฮา กันอยู่พอสมควรในตอนนี้  เกี่ยวกับเจ้าตัว  “ไขมันทรานส์” ที่เมื่อมานานมานี้ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ประกาศกระทรวงสาธารณสุข  สั่งห้ามผลิต นำเข้า จำหน่ายไขมันทรานส์ หลังปรากฎหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนว่า กรดไขมันทรานส์ (Trans Fatty Acids) จากน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (Partially Hydrogenated Oils) ส่งผลเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

ซึ่งส่งผลให้เกิดความตื่นตระหนกกันในเรื่องดังกล่าวในกลุ่มของผู้บริโภคส่วนใหญ่คนไทยจำนวนมากว่าเจ้าไขมันทรานส่งผลอันตรายร้ายแรงอย่างไร ?  ต่อสุขภาพ ถึงขั้นที่ทางกระทรวงสาธารณสุข  ถึงต้องประกาศสั่งห้ามกันนำมาใช้กันเลยที่เดียว โดยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไขมันทรานส์  คือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีโครงสร้างชนิดทรานส์ (trans) แหล่งของไขมันชนิดนี้พบได้ในปริมาณเล็กน้อยตามธรรมชาติในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ส่วนใหญ่เกิดจากการสังเคราะห์ขึ้นผ่านวิธีแปรรูปโดยกระบวนการเติมไฮโดรเจนเข้าไปในน้ำมันพืช ทำให้น้ำมันพืชแข็งตัวมากขึ้น ไขมันชนิดนี้เป็นไขมันที่มีลักษณะไม่เป็นไข และสามารถทนกับความร้อนได้สูง สามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่มีกลิ่นเหม็นหืน และให้รสชาติเหมือนกับไขมันที่ได้จากสัตว์ มักพบไขมันทรานส์ในเนยเทียม มาร์การีน ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว  ครีมเทียม ฯลฯ

ดังนั้น  การบริโภคอาหารที่มีกรดไขมันทรานส์มาก ๆ จะเป็นส่งผลต่อโดยตรงต่อระบบการทำงานของระบบเอนไซม์ในร่างกายของเรา ทำให้ไขมันชนิดดีในร่างกายของเราลดลงหรือถูกทำลายไป และเพิ่มจำนวนไขมันชนิดเลวให้แก่ร่างกาย และไม่สามารถย่อยสลาย จึงอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ผิดปกติกับร่างกาย คือ  น้ำหนักและไขมันส่วนเกินเพิ่มมากขึ้น, มีภาวะการทำงานของตับที่ผิดปกติ, มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคเบาหวาน,โรคความดันโลหิตสูง,โรคหัวใจขาดเลือด,โรคหลอดเลือดหัวใจตีบและโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด เป็นต้น 

ทาง ดร.อัครวิทย์ กาญจนโอภาษ  ซีอีโอเมืองนวัตกรรมอาหาร ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ในอุตสาหกรรมอาหารไทยและไม่อยากให้สังคมตื่นตระหนกมากนัก โดยในอุตสาหกรรมอาหารไทยได้มีการเตรียมการเพื่องดใช้ไขมันทรานส์มาเป็นวัตถุดิบในการผลิตมาประมาณ 5 – 6 ปี แล้ว และอยากให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในผู้ประกอบการไทย อย่างภาคเอกชนหลายๆ บริษัทในเครือข่ายฟู้ด อินโนโพลิส อาทิ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำเข้า และผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น เนย, ชีส และขนมสำเร็จรูปต่างๆ ก็ไม่ได้ใช้วัตถุดิบที่มีไขมัน ทรานส์เป็นส่วนประกอบแล้ว และเชื่อว่าหลายๆ บริษัท ก็ได้เตรียมการปรับตัวก่อนหน้าที่จะมีประกาศออกเช่นเดียวกัน

ซึ่งแน่นอน ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอาหารการกินที่ต้องมีส่วนได้รับกระทบจากในกรณีดังกล่าว หลาหลายแบรนด์ดัง ทั้งของแบรนด์ไทยเองและต่างประเทศเองก็ได้ออกมาชี้แจงในส่วนของผลิตภัณฑ์ของธุรกิจตนเองกัน 

เริ่มจาก แววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล ผู้จัดการทั่วไป เคเอฟซีประเทศไทย  บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด  แจ้งว่า เคเอฟซี ประเทศไทย ในฐานะร้านอาหารบริการด่วนที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย ขอยืนยันว่าเมนูอาหารทุกเมนูที่จำหน่ายในร้านเคเอฟซี ประเทศไทย ปลอดจากไขมันทรานส์ 100% โดยเคเอฟซี ประเทศไทย ได้ดำเนินตามนโยบายบริษัทแม่ในประเทศสหรัฐอเมริกา บริษัท ยัม! แบรนด์ ในการยกเลิกการจำหน่ายอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันทรานส์มาตั้งแต่ปี 2015 โดยได้ทำงานร่วมกับคู่ค้าผู้จำหน่ายวัตถุดิบทุกรายในการเลิกใช้ส่วนผสมที่สามารถทำให้เกิดไขมันทรานส์ออกไป นอกจากนี้ เคเอฟซี ประเทศไทย ยังใช้น้ำมันปาล์มซึ่งเป็นน้ำมันที่ไม่มีไขมันทรานส์ในการประกอบอาหารเมนูไก่ทอดและเมนูอื่นๆ ของร้าน และขอยืนยันว่าทุกเมนูของเคเอฟซีไม่มีการเติมส่วนผสมพิเศษใดๆ อันทำให้เกิดไขมันทรานส์ ลูกค้าเคเอฟซีจึงสามารถไว้วางใจได้ว่าร้านเคเอฟซีทุกร้านเสิร์ฟเมนูที่ปลอดภัยปราศจากไขมันทรานส์อย่างแน่นอน 

อุษณา มหากิจศิริ กรรมการ บริษัท พีเอช แคปปิตอล จำกัด  ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย พิซซ่าฮัท ประเทศไทย กล่าวว่า  พิซซ่าฮัท ทุกเมนู ทุกหน้า ทุกขอบ ไม่ว่าจะเป็นแป้งหนานุ่ม แป้งบางกรอบ ขอบชีส หรือ ขอบไส้กรอกชีส  ปราศจากไขมันทรานส์ 100%  ลูกค้าพิซซ่าฮัท สามารถไว้วางใจได้ว่า พิซซ่าฮัททุกสาขาเสิร์ฟเมนูที่ปลอดภัยปราศจากไขมันทรานส์อย่างแน่นอน  เนื่องจากในฐานะที่พิซซ่าฮัทเป็นแบรนด์ชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลก จึงมีนโยบายใช้วัตถุดิบชั้นดีมีคุณภาพสูง มีรสชาติที่ดี และพิซซ่าฮัทให้ความสำคัญสูงสุดในเรื่องของคุณภาพ ความสะอาด รสชาติ และ     ความปลอดภัยของอาหาร ที่ให้บริการแก่ลูกค้า เพื่อสร้างความไว้วางใจและพึงพอใจสูงสุดแก่

ด้าน แมคโดนัลด์”  ในฐานะผู้นำธุรกิจอาหารมาตรฐานระดับโลก มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจที่มีมาตรฐาน โดยตอกย้ำเรื่องคุณภาพอาหารที่ดีมีความปลอดภัยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค จากกรณีดังกล่าว ได้ชี้แจงว่า น้ำมันที่ใช้ทอดอาหาร” ใช้น้ำมันปาล์มที่ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานปราศจากไขมันทรานส์ จากซัพพลายเออร์ภายในประเทศ โดยมีหลักปฏิบัติในตรวจสอบคุณภาพน้ำมันที่ใช้ทอดอาหารอย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมคุณภาพของอาหารให้ได้ตามมาตรฐานของแมคโดนัลด์   สำหรับ “พาย”  ได้รับทราบล่วงหน้าถึงมาตรการที่ทางกระทรวงสาธารณสุขจะออกมาบังคับใช้กับกรดไขมันทรานส์ จึงได้ร่วมมือกับซัพพลายเออร์คิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องจนได้พายที่ไร้ไขมันทรานส์และมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค โดยได้วางจำหน่ายในร้านแมคโดนัลด์ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา  และ สำหรับ “แมคคาเฟ่ เบเกอรี่”  ได้นำเข้าเบเกอรี่พรีเมียมจากหลากหลายประเทศ และเรากำลังดำเนินการตรวจสอบวัตถุดิบรวมถึงส่วนประกอบต่างๆ ที่อยู่ในเบเกอรี่ หากพบว่าเมนูใดที่มีส่วนประกอบของไขมันทรานส์ก็จะยกเลิกนำเข้าเบเกอรี่เมนูนั้นทันที

ในส่วน ห้างสรรพสินค้า  เทสโก้ โลตัส  โดย นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์  ประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท ระบุว่า ตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับสูตรเบเกอรี่อบร้อนและขนมปังแบรนด์เทสโก้ทุกรายการให้ปราศจากไขมันทรานส์ เพื่อเป็นทางเลือกสุขภาพให้กับผู้บริโภค และได้รับการตอบรับที่ดี และหลังจากนี้ได้นำผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ปราศจากไขมันทรานส์กว่า 25 รายการ มาต่อยอดโดยบรรจุแพ็คละ 1 ชิ้น เพื่อให้สะดวกต่อการรับประทานโดยทันที ในราคาตั้งแต่ 7-35 บาท เพื่อรองรับวิถีชีวิตที่เร่งรีบของผู้คนในปัจจุบัน และพฤติกรรมของลูกค้ายุค 4.0 ที่ต้องการความสะดวกสบายมาเป็นอันดับหนึ่ง

ทางด้าน ที่ฝั่งขนมขบเคี้ยว แบรนด์ดังภายใต้  บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด” ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย  ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวชั้นนำในเครือเป๊ปซี่โค ขอยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวทุกชนิดของบริษัทฯ ที่ผลิตในประเทศไทย อันได้แก่ มันฝรั่งทอดกรอบเลย์ ขนมขึ้นรูปตะวัน ซันไบทส์ ทวิสตี้ และชีโตส มิได้มีการใชน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (Partially Hydrogenated Oils) เป็นส่วนประกอบแต่อย่างใด

ส่วน ทาง “บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด” ขอยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์บิสกิต และช็อคโกแลตของบริษัท ที่จำหน่ายในประเทศไทย อันได้แก่ คุกกี้โอรีโอ คุกกี้ลู คุกกี้ชิพส์อะฮอย แครกเกอร์ริทซ์ ช็อคโกแลตแคดเบอรี และช็อคโกแลตทอปเบอโรน ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน และเป็นไปตามข้อบังคับของประกาศกระทรวงดังกล่าว

มาที่ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ครีมเทียมข้นหวาน และนมคืนรูปปรุงแต่งสเตอริไลส์ ยี่ห้อเรือใบ นกเหยี่ยว และมายบอย ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า วัตถุดิบที่เป็นน้ำมันปาล์มซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ครีมเทียมข้นหวาน นมข้นหวาน และนมคืนรูปปรุงแต่งสเตอริไลส์สำหรับปรุงอาหารและเบเกอรี่ ภายใต้บริษัทฟรีสแลนด์คัมพิน่า เป็นน้ำมันปาล์มที่ผ่านกระบวนการกลั่นแบบสมบูรณ์ และไม่ได้ใช้น้ำมันปาล์มที่ผ่านกระบวนการการเติมไฮโดรเจน  และ  บริษัท อุตสาหกรรมนมไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนมข้นหวาน ตรามะลิ   ยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์ของเราไม่เข้าข่ายและไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขดังกล่าว ขอให้ผู้บริโภควางใจ

ปิดท้าย ทางด้านร้านอาหารและเบอเกอรี่แบรนด์ดัง อย่าง บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน)  นำโดย กำธร  ศิลาอ่อน กรรมการผู้จัดการใหญ่สายการผลิตและการเงิน เปิดเผยว่า  “ตามที่มีประกำศกระทรวงสาธารณสุขเลขที่ ๓๘๘ พ.ศ. ๒๕๖๑ เรื่องกำหนดอำหำรที่ห้ำมผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย กรดไขมันทรำนส์  นำมันที่ผ่ำนกำรเติมไฮโดรเจนบำงส่วน (Partially Hydrogenated Oils) ส่งผลต่อกำรเพิ่มควำมเสี่ยงของกำรเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และมีความเกี่ยวข้องกับ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ผู้นำในการผลิตเบเกอรี่และอาหารของประเทศนั้น  ในช่วงเวลา10 ปีที่ผ่านมา เอส แอนด์ พี มีการวางแผนการผลิตเพื่อเตรียมผลิตภัณฑ์กลุ่มเบเกอรี่ทุกรายการให้ไขมันทรานส์ 0 กรัม ต่อ 1 เสิร์ฟ เพราะเราตระหนักถึงสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค เอส แอนด์ พี ได้หำรือกับซัพพลายเออร์ขอให้เลิกใช้ไขมันทรานส์ในวัตถุดิบแต่ละชนิด โดยมีหลักฐานยืนยันจากซัพพลายเออร์ทุกราย ซึ่งผลกำรวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ทุกประเภทจากเมื่อ 10 ปีที่แล้วเป็นต้นมานั้น เราได้ทำการตัดวัตถุดิบที่มีความเสี่ยงออกไป รวมทั้งส่งไปวิเคราะห์ซ้ำเพื่อให้เราและผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า ไขมันทรานส์ เป็น 0 กรัมต่อ 1 เสิร์ฟ นั่นหมายถึง ผลิตภัณฑ์ของ เอส แอนด์ พี ทุกรายการ “ไม่มีส่วนประกอบของน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน ซึ่งเป็นแหล่งของไขมันทรานส์   ทังนี เอส แอนด์ พี ได้ระบุข้อมูลโภชนาการไว้อย่างชัดเจนบนฉลากผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐด้วย



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ