เปิดวิสัยทัศน์ “อิษยา พรหมมาลี” นักธุรกิจสาวสวย แห่ง บริษัท ไอยรา เจมส์

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เปิดวิสัยทัศน์ “อิษยา พรหมมาลี” นักธุรกิจสาวสวย แห่ง บริษัท ไอยรา เจมส์


อิษยา พรหมมาลี”  ผู้บริหารสาวสวย วัย 45 ปี  รั้งตำแหน่ง CEO บริษัท ไอยรา เจมส์ ซึ่งทำธุรกิจเปิดร้านขายจิวเวลรี่ และธุรกิจอื่นๆ คือนักบริหารหญิงผู้มีวิสัยทัศน์ในการเริ่มต้นทำธุรกิจที่ตัวเองรักด้วยความตั้งใจ กระทั่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

เธอ เล่าว่า  “ในช่วงที่ดิฉันเรียนปริญญาตรีภาคค่ำ ที่คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ตอนนั้นดิฉันทำงานด้านออกแบบตกแต่งอาคารไปด้วยเรียนไปด้วย จำได้ว่าในห้องเรียนมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งแต่งตัวสวยมาเรียนทุกครั้ง แถมยังมีรถยนต์ขับด้วย เธอจึงเป็นไอดอลในใจเลยละ ยิ่งเมื่อได้รู้ว่าเพื่อนคนนี้ช่วยแม่ทำธุรกิจขายเพชรพลอย ดิฉันก็ตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้เลยว่า ถ้าเรียนจบเมื่อไรดิฉันจะต้องเปิดร้านขายเพชรให้ได้ ไม่ทำแล้วงานด้านตกแต่ง

พอเรียนจบปริญญาตรีปุ๊บ ดิฉันก็ไปหาคอร์สเรียนเรื่องการดูอัญมณี โดยเรียนอยู่ 1 ปีที่สถาบัน AIGS จนได้ประกาศนียบัตร และวิธีวิเคราะห์เพชรพลอยติดตัวมา ว่าอันไหนของจริง ของปลอม รูปทรงไหนสวย ไม่สวย รวมทั้งการประเมินราคาด้วย แถมยังเรียนการออกแบบเครื่องประดับที่สถาบันอัญมณีศิลป์ต่ออีกครึ่งปี ระหว่างที่เรียนนั้นดิฉันตั้งใจมากเลยว่าต้องเรียนให้ดีเป็นที่ 1 เพราะถ้าเราเป็นที่ 2 ผู้คนจะไม่จดจำ ดิฉันจึงตั้งใจเรียนเต็มที่ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ มีบริษัทที่ทำธุรกิจนำเข้าและส่งออกเพชรพลอยไปขายที่สหรัฐ ได้มาทาบทามดิฉันให้ไปทำงานกับเขา เนื่องจากช่วงนั้นได้เกิดปัญหาว่า พลอยสีม่วง (อเมทิสต์) ในท้องตลาดมีของปลอมเยอะมาก ดังนั้น บริษัทจึงต้องหานักอัญมณีผู้เชี่ยวชาญเพื่อไปตรวจสอบพลอยชนิดนี้โดยเฉพาะ”

อิษยา  เล่าต่อว่า พลอยสีม่วงนี้ตรวจสอบยาก เพราะในตำราเรียนระบุวิธีตรวจไว้แค่ 2 วิธีเท่านั้น แต่เธอก็ไปค้นหาวิธีเพิ่มเติม จนสามารถตรวจสอบพลอยปลอมได้อย่างแม่นยำโดยใช้เทคนิคทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้ดูร่องรอยการตกผลึกของพลอยชนิดนี้

“ช่วงนั้นดิฉันรับจ้างตรวจพลอยเป็นเม็ดๆ และสามารถตรวจได้แม่นยำ เรียกว่าวันหนึ่งตรวจพลอยได้หลายร้อยเม็ด จนบริษัทเห็นรายงานก็ถึงกับแปลกใจ ว่านักอัญมณีของเขาอย่างเก่งก็ตรวจได้แค่วันละไม่กี่สิบเม็ดเท่านั้น เขาก็คิดว่าเราตรวจสอบครบถ้วนตามหลักปฏิบัติหรือเปล่า แต่พอหัวหน้าแผนกของบริษัทบินมาดูวิธีการตรวจพลอยที่ดิฉันทำก็รู้สึกทึ่งมาก เขาจึงได้นำความรู้และคีย์เวิร์ดของดิฉันไปใช้ที่ต่างประเทศด้วย”

โดยหลังจากตรวจเพชรพลอยในห้องแล็บได้ 3 ปี ก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะตามความฝันของตัวเองด้วยการเปิดร้านเพชรสักที แต่ตอนนั้นดิฉันมีเงินแค่ 5 แสนบาทที่หยิบยืมมาจากเพื่อนๆ ที่สนิทกัน ในที่สุดร้าน ‘ไอยรา เจมส์’ (Aiyara Gems) จึงได้เปิดขึ้นที่ตึกจิวเวลรี่ เทรด เซ็นเตอร์ สีลม แต่ขึ้นชื่อว่าร้านเพชรก็ต้องใช้เงินเยอะมาก แถมตอนนั้นดิฉันยังไม่รู้เรื่องธุรกิจมากนัก แต่ด้วยใจนักสู้ที่คิดว่าจะต้องเปิดร้านเพชรให้ได้ ดิฉันจึงเรียกบริษัทที่รับทำตัวเรือนสร้อยและแหวนมาคุย แล้วก็บอกเขาไปตรงๆ ว่าเรามีเงินแค่ 5 แสนบาทนะ สามารถซื้อได้แค่ไหน ปรากฏว่าพอเลือกๆ ไป บิลเรียกเก็บเงินออกมายอดทั้งหมด 1.6 ล้านบาท ก็เลยบอกเขาว่าให้คัดออกไปบ้าง เพราะมีเงินแค่นี้จริงๆ เจ้าของบริษัทก็นิ่งคิดอยู่สักพักแล้วถามเราว่า ‘จะโกงเขามั้ย’  ดิฉันจึงตอบไปว่า  ‘ตั้งใจเปิดร้านจริง ถึงไม่ได้ร่ำรวย แต่ชีวิตนี้ก็ไม่คิดที่จะโกงใคร’ เขาเลยบอกว่า ‘งั้นจะลองให้เครดิตดูละกัน อีก 2 เดือนค่อยจ่ายเงิน’ ดิฉันคิดว่าเขาคงเห็นแววตาที่จริงจัง และสัมผัสได้ว่าเรามีความรู้ในเรื่องเพชรพลอยจริงๆ เขาจึงหยิบยื่นโอกาสให้”

 “เมื่อมีคนหยิบยื่นโอกาสมาให้ เราก็สนใจ แต่ก็บอกเขาไปตรงๆ ว่าเราไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นนะ เขาเลยบอกว่าจะให้เครดิตเราละกัน ดิฉันจึงไปเลือกเพชรที่บริษัทเขามากองหนึ่ง มีตั้งแต่ไซส์เล็กยันไซส์ใหญ่ ปรากฏว่าบิลเรียกเก็บเงินออกมา 7 ล้านกว่าบาท เขาก็ถามเราว่า ‘จะโกงเขามั้ย’ เหมือนรายแรกเลย (หัวเราะ) เราก็ยืนยันว่าไม่โกงแน่นอน พอเริ่มมีเพชรมาขายในร้าน ธุรกิจก็เริ่มดีขึ้นทันที เราก็รีบให้ช่างขัดตัวเรือนและฝังเพชรลงไปบนเครื่องประดับ ถ้าลูกค้าไม่ชอบ ดิฉันก็จะปรับแบบให้ตามที่ลูกค้าต้องการ เพราะรู้ว่าจุดอ่อนของร้านค้าเปิดใหม่คือมีแบบให้เลือกน้อย”

หลังจากเปิดร้านเพชรเล็กๆ ที่ตึกจิวเวลรี่ เทรดฯ อยู่ 3 ปี ดิฉันก็เริ่มหาพื้นที่ขยับขยายร้าน บังเอิญโชคดีได้พื้นที่เช่าเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ ที่ชั้น 2 เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ กิจการจึงค่อยๆ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทย 90% อีก 10% เป็นชาวต่างชาติ หลังจากเปิดขายอยู่ 3 ปีก็เริ่มเช่าพื้นที่เพิ่มและเปิดเป็นร้านเพชรที่ใหญ่มากขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มสินค้าและดีไซน์รูปแบบให้หลากหลายและสวยแปลกตามากขึ้น นอกจากนี้ยังรับออก แบบเครื่องประดับเพชรตามที่ลูกค้าสั่งมาเฉพาะรายอีกด้วย  ซึ่งปัจจุบันร้านไอยรา เจมส์ มีพื้นที่ 50 ตร.ม. ซึ่งถือว่าเป็นร้านเพชรที่มีขนาดปานกลาง ลูกค้ากลุ่ม เป้าหมายจะเป็นคู่แต่งงานที่ยังไงก็ต้องซื้อแหวนอยู่ดี ส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงานอายุ 25-35 ปีเป็นหลัก

“จากจุดเริ่มต้นที่ก้าวเข้าสู่ธุรกิจร้านเพชรจนถึงปัจจุบันก็ 18 ปีแล้ว ตอนนี้ธุรกิจขายเพชรก็ยังไปได้ดีอยู่ ด้วยความที่เราเริ่มต้นธุรกิจในยุคที่โลกออนไลน์ยังไม่บูม แต่เริ่มมีอินเทอร์เน็ตเข้ามาแล้ว ดิฉันจึงมองไว้ล่วงหน้าเลยว่า ต่อไปอินเทอร์เน็ตจะต้องมา จึงเปิดเว็บไซต์ www.aiyaragems.com ขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น โดยลงมือทำเว็บไซต์เองเลย ทั้งถ่ายรูปและอัพเดทข้อมูลเครื่องประดับที่มีในร้าน รวมทั้งเครื่องประดับที่ลูกค้าสั่งทำลงไปบนเว็บไซต์ ด้วย กระทั่งโซเชียล มีเดีย เริ่มบูมขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา คนจึงเริ่มรู้จักแบรนด์ไอยรา เจมส์ มากขึ้น แถมลูกค้าของเรายังช่วยถ่ายรูปโปรโมทลงเฟซบุ๊กและไอจี เพื่อขอบคุณว่าเครื่องประดับของเราดีไซน์สวย ราคาไม่แพง เริ่มตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไปก็ซื้อได้แล้ว”

ทั้งนี้   ในปี 2562 ที่จะถึงนี้ดิฉันแพลนไว้ว่า เราจะย้ายร้านเพชรจากเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ไปอยู่ที่ตึกใหม่ 7 ชั้นที่เราซื้อไว้ที่ถนนบำรุงเมือง (ใกล้ตลาดสำเพ็ง) โดยที่จะเปิดเป็นร้านขายจิวเวลรี่ ที่ชั้น 3 และจะเปิดขายเครื่องสำอางอินเตอร์ฯ แบรนด์ ชั้น 1 ขายเครื่องสำอางโลคัลแบรนด์ของไทย ชั้น 2 ส่วนชั้น 4-5 ขายดอกไม้ประดิษฐ์ ชั้น 6 จะเปิดเป็นร้านเสริมสวยครบวงจร ซึ่งในตัวอาคารใหม่นี้ จะเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิง เน้นเรื่องความสวยงามเป็นหลัก ส่วนชั้น 7 จะทำเป็นออฟฟิศและห้องเทรนนิ่งต่างๆ ซึ่งตึกจะตกแต่งเสร็จภายในปลายปีนี้

ผู้บริหารคนสวย  กล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ผ่านมาธุรกิจแรกเริ่มคือจิวเวลรี่นั้น ใช่ว่าหนทางจะโรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เพราะธุรกิจนี้การจัดซื้อเพชรพลอยถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก หากดูเพชรพลอยไม่เป็น โอกาสที่จะถูกหลอกหรือพลาดก็มีสูง แล้วยังต้องดูให้เป็นว่าเพชรพลอยนั้นสวยหรือไม่สวย เพราะหากสายตาไม่เฉียบขาด ก็อาจจะได้ของไม่ดีหรือของที่ขายไม่ได้ราคามาก็ได้

“ที่ผ่านมาดิฉันคัดเลือกเพชรพลอยเองทั้งหมด ก็ต้องขอบคุณสถาบัน AIGS ที่ให้วิชามา เลยทำให้ธุรกิจค่อยๆ เติบโตมาจนเกิดความมั่นคงได้ถึงทุกวันนี้ ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพว่า ถ้าเราสั่งซื้อเพชรมาเป็นห่อ แล้วพบว่ามีเพชรที่ไม่สวย หรือมีปลอมปนมา เราก็จะตีสินค้านั้นกลับเลย และไม่ซื้อขายกับบริษัทนี้อีกต่อไป ส่วนใหญ่แล้วเพชรจะถูกส่งมาจากเบลเยียม อิสราเอล และอินเดีย แต่เดี๋ยวนี้ของไทยจะมีบริษัท แบงค็อก คัท ซึ่งเป็นตัวแทนขายเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งให้ร้านเพชรทั่วไปด้วยเช่นกัน”  

ปัจจุบันร้านเราขายเครื่องประดับเพชรเป็นหลัก ตอนนี้ที่ขายดีที่สุดจะเป็นแหวนแต่งงาน ในอนาคตหากเราย้ายไปเปิดร้านที่ตึก 7 ชั้น เราจะขยายตลาดออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยจะเป็นตัวแทนขายส่งเพชรให้กับร้านเพชรทั่วประ เทศไทยเลยละ ซึ่งร้านเพชรเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องสั่งซื้อเพชรทั้งห่อไปเก็บไว้ให้เงินจมอีกต่อไป แต่พวกเขาจะมีสิทธิ์เลือกว่าต้องการเพชรไซส์ขนาดกี่มิลลิเมตร จำนวนกี่กะรัต ที่เข้ากับตัวเรือนที่ลูกค้าต้องการก็สามารถล็อกสเป็กมาได้เลย ซึ่งร้านเพชรที่มีงบน้อยก็สามารถทำธุรกิจต่อได้ เพราะเราเคยมีประสบการณ์ตรงจากเรื่องนี้มาแล้ว เราจึงคิดรูปแบบธุรกิจนี้ขึ้นเพื่อมารองรับ สิ่งสำคัญคือต้องทำธุรกิจด้วยความซื่อตรง จริงใจ และไม่กดดัน รวมทั้งให้ความรู้ในการดูเพชรกับลูกค้าแบบไม่กั๊ก พวกเขาก็จะกลับมาหาเราแน่นอน

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ