เงินดิจิตอล หรือ บิทคอยน์ ได้รับความนิยมมากขึ้น กลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ใน แคนาดา สุดล้ำ ประเดิมเปิดให้บริการตู้เอทีเอ็มบิทคอยน์ แห่งแรกของโลก ในนครแวนคูเวอร์ คงรูปแบบเหมือน ตู้เอทีเอ็มทั่วไป แต่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินดอลลาร์แคนาดาได้

มีรายงานว่า ตู้เอทีเอ็ม บิทคอยน์ ได้เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมาทางตะวันตกของแคนาดา ไม่รับบัตรกดเงินสด หรือบัตรเครดิต แต่จะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือแปลง "บิทคอยน์" สกุลเงินดิจิตอลที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เป็นเงินดอลลาร์แคนาดา หรือแปลงดอลลาร์แคนาดาให้เป็นบิทคอยน์ ถือเป็นตู้เอทีเอ็มบิทคอยน์แห่งแรกของโลก ทางตะวันตกของแคนาดา ซึ่งตู้เอทีเอ็มไม่ใช่ตู้เอทีเอ็มธรรมดา แต่มีความสามารถ แลกเปลี่ยนเงินบิทคอยน์ กับเงินสกุลอื่นๆ รวมทั้งเงินดอลลาร์แคนาดาได้ด้วย

นายมิทเชล ดีมีเตอร์ เจ้าของตู้เอทีเอ็มบิทคอยน์ นักลงทุนท้องถิ่นที่เริ่มทำธุรกรรมเงินบิทคอยน์เมื่อหลายปีก่อน บอกว่า ตู้เอทีเอ็มนี้ เป็นโอกาสทางธุรกิจ เพราะยังไม่มีใครทำตู้เอทีเอ็มที่ให้ทุกคนซื้อ-ขายกันบนเว็บไซต์ได้ นอกจากนี้ ผู้ที่ใช้บริการตู้เอทีเอ็มนี้ เมื่อใช้บริการตู้เอทีเอ็มแล้ว ก็ใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนของพวกเขาซื้อกาแฟและมัฟฟิน ที่เวฟส์ คอฟฟี่ ช็อปทันที

อย่างไรก็ตาม ลูกค้าเอทีเอ็มบิสคอยน์ จะใช้รหัสส่วนตัว เหมือนกับหมายเลขของ ธนาคาร เข้าบัญชีออนไลน์ของบิสคอยน์บน ตู้เอทีเอ็ม พวกเขาสามารถถอนหรือฝากเงินสดได้เหมือนตู้เอทีเอ็มทั่วไป อัตราแลก เปลี่ยนปัจจุบันของบิสคอยน์อยู่ที่ 1 บิส คอยน์ต่อ 200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6,200 บาท โดยตู้เอทีเอ็มจะโอนเงินบนอินเตอร์เน็ตผ่านแคนาดา เวอร์ทเอ็กเชนจ์

โดยเครื่องจะสแกนฝ่ามือของผู้ใช้บริการ ก่อนที่จะเปิดให้มีการแลกเงินบิทคอยน์ สูงสุดไม่เกิน 3,000 ดอลลาร์ต่อวัน โดยเอทีเอ็มจะรับเงินของลูกค้าไว้ และให้หมายเลขที่เชื่อมโยงกับบิทคอยน์ แต่ถ้าลูกค้าต้องการนำบิทคอยน์มาแลกเป็น เงินสด เอทีเอ็มจะดำเนินการสแกนคิวอาร์ โค้ด บนมือถือของลูกค้า ก่อนจะจ่ายเงิน สดให้

ทั้งนี้ บิทคอยน์ เป็นเงินสกุลเงินเสมือนจริง หรือเงินดิจิตอล ซึ่งยังไม่มีรัฐบาล ใดในโลกเข้ามากำกับดูแล โดยผู้สนับสนุน กล่าวว่า การใช้บิทคอยน์ให้ประโยชน์หลาย อย่าง ทั้งความรวดเร็ว เสี่ยงต่อการฉ้อ โกงน้อย และมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นอย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์ โต้แย้งว่า การแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ที่ทำได้โดยไม่ต้องแจ้ง ชื่อ อาจทำให้บิทคอยน์เป็นแหล่งดึงดูดการ ค้ายาเสพติด ฟอกเงิน และกิจกรรมผิดกฎหมายอื่นๆ

สำหรับบิทคอยน์ถูกสร้างขึ้นในปี 2552 โดยบุคคล หรือกลุ่มบุคคล ที่ใช้นาม แฝงว่า "ซาโตชิ นากาโมโตะ" บิทคอยน์กลายเป็นข่าวดังในช่วงนี้หลังมูลค่าของ 1 เหรียญบิทคอยน์ ซึ่งเคยมีมูลค่าเพียง 20 ดอลลาร์สหรัฐ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 200 ดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้เป็นเงินตราสำหรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการผ่านทางระบบออนไลน์โดยข้อดีของบิทคอยน์เมื่อเทียบกับเงินสกุลต่างๆ ก็คือการทำธุรกรรมเป็นแบบ P2P ซึ่งทำให้ต้นทุนต่ำกว่าการทำธุรกรรม แบบปกติ ซึ่งดำเนินการผ่านตัวกลางเช่นธนาคารที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในขณะที่มีความปลอดภัยสูงเทียบเท่ากับการทำธุรกรรมผ่านสถาบันการเงิน

นอกจากนี้ นักลงทุนที่สนใจในบิทคอยน์ ยังชื่นชอบโครงสร้างของบิทคอยน์ ซึ่งแตกต่างจากเงินสกุลทั่วๆ ไปซึ่งถูกควบ คุมโดยธนาคารกลางของประเทศต่างๆ โดยบิทคอยน์ถูกออกแบบให้มีอุปทานจำกัดที่ 21 ล้านบิทคอยน์เท่านั้นทำให้ไม่มี ความเสี่ยงที่มูลค่าจะลดลงจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงิน

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้บิทคอยน์ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วก็เนื่องจากสามารถ นำไปจับจ่ายใช้สอยได้จริงโดยเว็บไซต์ Coinbase และ Bitpay ซึ่งเป็นแหล่งรวบ รวมผู้ขายสินค้าออนไลน์รายงานว่ามีร้านค้า รวมกันมากกว่า 2,000 ร้านที่รับชำระสินค้า ด้วยบิทคอยน์และยังคงมีเว็บไซต์ต่างๆที่รับชำระสินค้า

และบริการด้วยบิทคอยน์เกิดขึ้นใหม่ แทบทุกวันหรือกระทั่งเว็บไซต์ที่สามารถนำ บิทคอยน์ไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลต่างๆ ได้จริงอีกด้วย

ปัจจุบันมีการประมาณการว่ามูลค่า รวมของบิทคอยน์ มีค่าสูงถึง 1.3 พันล้านดอลลาร์โดยมีปริมาณการเทรดและทำธุรกรรมต่อวันสูงถึง 35 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ในปีที่ผ่านมา มูลค่าของบิทคอยน์สูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากระดับ 10 ดอลลาร์ ในเดือนส.ค.2555 เป็น 115 ดอลลาร์ ในเดือน พ.ค.2556 ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้นสูงถึงกว่า 1,000% ซึ่งถือเป็นเงินที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดในโลก

เนื่องจากคุณสมบัติของบิทคอยน์ ที่ไม่ได้บังคับตัวเองให้ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์กรธนาคารขนาดใหญ่หรือ รัฐทำให้ค่าใช้จ่ายในการบริหารปริมาณเงิน นี้รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมลด น้อยลงจากการใช้เงินตราสกุลดั้งเดิมเป็น อย่างมากจะว่าไปแล้ว บิทคอยน์ นี้ก็เปรียบ เสมือนกับสกุลเงินตราในฝันสำหรับพ่อค้า ออนไลน์เลยทีเดียว