“SF” กางแผนเดินหน้าธุรกิจไม่กั๊ก ประกาศปักธงเข้าตลาด MAI ปีหน้า

วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2561

“SF” กางแผนเดินหน้าธุรกิจไม่กั๊ก ประกาศปักธงเข้าตลาด MAI  ปีหน้า


นาย สุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปืที่ผ่านมา มียอดรายได้รวมกว่า 4,200 ล้านบาท มีผลกำไรสุทธิกว่า 180 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปี 2559 ทั้งนี้ มีสัดส่วนรายได้มาจากโรงภาพยนตร์ 2,700 ล้านบาท เติบโต 3% รายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่ม 775 ล้านบาท เติบโต 12% ส่วนงานธุรกิจสื่อโฆษณา 430 ล้านบาท เติบโต 28% และส่วนงานอื่น 300 ล้านบาท เติบโต 4% รวมทั้งได้มีการขยายสาขาเพิ่ม 4 สาขา ได้แก่ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ราชบุรี, บิ๊กซี เพชรบุรี, เซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา และเซ็นทรัลพลาซา มหาชัย

นอกจากนี้  ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนระบบไอทีกว่า 100 ล้านบาท พัฒนาขีดความสามารถในการเข้าถึงลูกค้าด้วยการขยาย Bandwidth ของระบบหลังบ้าน รวมถึงปรับปรุงแอปพลิเคชั่น SF Cinema และเว็บไซต์ เพื่อการบริการ Online Ticketing ให้มีความทันสมัย ลื่นไหล สะดวกสบาย และรวดเร็วมากขึ้น อีกทั้งยังได้พันธมิตรที่มาร่วมเพิ่มช่องทางการจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ของ เอส เอฟ ได้แก่ KBANK, SCB, AIRPAY และ BLUEPAY ทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อบัตรชมภาพยนตร์ได้ล่วงหน้าก่อนที่จะเดินทางมาถึงหน้าโรงภาพยนตร์ สำหรับการบริการที่หน้าโรงภาพยนตร์ เอส เอฟ ได้เพิ่มเทคโนโลยีการขายบัตรชมภาพยนตร์ผ่านตู้ Kiosk Express Ticketing by GSB ของธนาคารออมสิน ต่างหากออกจากหน้าเคาน์เตอร์ขายตั๋วปกติ ทำให้เวลาที่จะใช้ในการซื้อบัตรชมภาพยนตร์รวดเร็วและสะดวกสบายขึ้น ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคอหนังยุคดิจิทัล

ปัจจุบันเราต้องปรับเปลี่ยนในการสร้างความหลากหลายและความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคในยุคไลฟ์สไตล์ดิจิตอล ในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะสิ่งที่สำคัญคือในเรื่องการซื้อบัตรได้โดยง่ายก่อนโดยไม่จำเป็นต้องมาต่อแถวซื้อบัตรหน้าโรงหนังเหมือนสมัยอดีต  เพราะส่วนใหญ่กลุ่มเป้าหมายหลักของเอสเอฟคือคนกลุ่มอายุ 18-25 ปี เป็นหลัก โดยสังเกตุได้จากสัดส่วนการซื้อบัตรจากช่องทางที่เป็นออนไลน์ของลูกค้าเอสเอฟปี 2559 อยู่ที่ 7% ปี 2560 อยู่ที่ 15% และปีนี้ตั้งเป้าสัดส่วนอยู่ที่ 30% ส่วนปีหน้าคาดว่าสัดส่วนซื้อบัตรผ่านออนไลน์จะอยู่ที่ 50% จากจำนวนยอดขายบัตรเฉลี่ย 20 ล้านใบต่อปี”

ผู้บริหาร  กล่าวต่อว่า  ในปีนี้บริษัทได้วางงบทุนไว้ราว 600 ล้านบาท  ทั้งการเปิดสาขาใหม่และการรีโนเวตสาขาใหญ่เอสเอฟเวิลด์ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และการตลาดทั้งหมด โดยประเดิมเปิดไปแล้ว 1 สาขาเมื่อต้นปีนั่นคือ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ ซีเนม่า สาขาท็อปส์ พลาซ่า พะเยา สำหรับช่วงครึ่งปีหลัง เอส เอฟ ยังมีโครงการขยายสาขาเพิ่มเติม อีก 5 สาขา โดยยังคงเป็นการผนึกกำลังไปกับศูนย์การค้าชั้นนำซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ชลบุรี, บิ๊กซี สระแก้ว, บิ๊กซี สมุทรสงคราม, บิ๊กซี เพชรเกษม และเทอร์มินอล 21 พัทยา รวมทั้งมีแผนปรับปรุงโรงภาพยนตร์สาขาเดิม  เพื่อให้มีความสวยงาม ทันสมัยมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้  ในปีนี้บริษัทจะมีการนำเสนอโรงภาพยนตร์  Zigma CineStadium  ซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์แห่งอนาคต ด้วยจอภาพยนตร์ขนาดใหญ่ที่สุด รองรับการฉายด้วยระบบดิจิทัล 4 เค เลเซอร์ ให้ภาพคมชัด ระบบเสียงดอลบีแอทโมส รอบทิศทาง ที่นั่งกว้างขวางแบบซูเปอร์สเตเดี้ยม ทิ้งช่วงห่างแต่ละที่นั่งมากขึ้น นอกเหนือจากโรงหนังโมเดลเดิมที่มีอยู่แล้ว โดยวางแผนจะเปิดโมเดลใหม่นี้สาขาละ 1 โรงที่มีความเหมาะสม เช่น เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว เซ็นทรัลพระรามเก้า เชียงใหม่ เป็นต้น เริ่มที่สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ก่อน ที่จะมีการปรับปรุงครั้งใหญ่แลจะมีโมเดลใหม่นี้ด้วย คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีนี้

อย่างไรก็ตาม  ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวมที่ 5,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีสาขารวม 57 สาขา จำนวน 371 โรง รวมกว่า 81,300 ที่นั่ง ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดหวัด 27 จังหวัด (แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 20 สาขา จำนวน 166 โรง และต่างจังหวัด 37 สาขา จำนวน 205 โรง) และหลังจากบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการสอบทานเพื่อเตรียมพร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์มาหลายปี  คาดว่าคาดว่าในปีหน้าบริษัทจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้อย่างสมบูรนณ์ตามแผนที่วางไว้ เพื่อต้องการสร้างการเติบโตและความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจในอนาคต

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ