นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาในส่วนของภาพรวมบริษัทนั้นเรายังอัตราการเติบโตไม่มากนัก ส่วนจีดีพีโต 4.8% ถือว่าดีแล้ว เมื่อเทียบกับหลายประเทศ เพราะเศรษฐกิจทั่วโลกก็ไม่ค่อยดี ไม่ได้เป็นที่ประเทศไทยที่เดียว โดยปีนี้เครือสหพัฒน์เราตั้งเป้าคาดว่าจะทำให้รายได้โตขึ้นเล็กน้อยหรือทรงตัวเท่าปีก่อนที่เติบโต 1-2% ซึ่งการเติบโตในช่วง 5 เดือนแรกนั้นแบ่งได้เป็นกลุ่มอาหารโตสุด 3-5% ส่วนเสื้อผ้า แฟชั่น ลักซ์ชัวรี่ ตกลง แต่เรามองว่าในครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น ถ้าหากได้มีการเลือกตั้ง มองว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจดีขึ้น และหากถามถึงสำหรับภาพรวมเศรษฐกิจปี 2561 นี้มองว่ายังอยู่ในสถานการณ์ต้องประคองตัวไว้ เพราะกำลังซื้อระดับรากหญ้ายังไม่ฟื้นตัว และส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวเฉพาะระดับบน และประเด็นสำคัญคือในเรื่องค่าเงินบาท เพราะตอนนี้บาทแข็งอยู่ที่ประมาณ 32 บาทต่อ1ดอลล่าร์สหรัฐ แม้ส่งออกจะดีขยายตัว 8% แต่ค่าเงินบาทที่แข็งค่า 8% แต่มองในเชิงลึก คือได้เท่าเดิม เงินไปไม่ถึงรากหญ้า หากแบงก์ชาติทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลงเหลือ 34 บาทต่อ 1ดอลล่าร์สหรัฐได้จะดีมาก เงินจะถึงรากหญ้าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้
ล่าสุด ทางเครือสหพัฒน์ต้องการการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเป็นเป้าหมายสำคัญประการหนึ่งของรัฐบาล เพราะหากมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบและเข้มแข็งจะก่อให้เกิดรายได้นำไป ต่อยอดพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนและประเทศต่อไป ซึ่งเครือสหพัฒน์ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ จึงได้ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ สนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก โดยเชิญร้านค้าธงฟ้าประชารัฐกว่า 20,000 ร้านทั่วประเทศมาร่วมงานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 22 เพื่อดูงานร้านค้าตัวอย่าง ศึกษาการบริหารจัดการร้าน การจัดสินค้า การซื้อขายจริง รวมทั้งจะมีการจัดอบรมความรู้ให้กับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐจำนวน 2,000 คน เกี่ยวกับการบริหารจัดการร้านอย่าง มืออาชีพ นอกจากนี้ บริษัทสหพัฒน์ฯ ยังร่วมสนับสนุนด้วยการมอบคูปองส่วนลด 2,000 บาท ให้กับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่เชิญมาร่วมงานเพื่อซื้อสินค้าภายในงานพร้อมบริการจัดส่งสินค้าถึงร้าน
ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของเครือสหพัฒน์ปีนี้จะมีการลงทุนด้านบิ๊กดาต้ามาขับเคลื่อนธุรกิจ วางแผนการดำเนินงานในอนาคตได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ล่าสุดได้ลงนามบันทึกข้อตกลงเรื่อง Big Data Partnership& Business Collaboration กับบีทีเอสกรุ๊ป ในการนำข้อมูลจำนวนมากมาวิเคราะห์โอกาส ความเป็นไปได้ และนำมาเป็นตัวช่วยในการกำหนดทิศทางองค์กรได้อย่างรวดเร็วต่อไป
“เครือสหพัฒน์ยังมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมการค้าการลงทุน และเป็นพันธมิตรกับองค์กรต่างๆ เหมือนเช่น ทุกปี ปัจจุบันเครือสหพัฒน์ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของ Big Data ซึ่งองค์กรต่างๆ สามารถนำข้อมูลจำนวนมากมาวิเคราะห์โอกาส ความเป็นไปได้ และนำมาเป็นตัวช่วยในการกำหนดทิศทางองค์กรได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น งานสหกรุ๊ปแฟร์ปีนี้ เครือสหพัฒน์จึงได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเรื่อง Big Data Partnership & Business Collaboration กับบีทีเอสกรุ๊ป”