บริษัท สหมิตรเครื่องกล จำกัด (มหาชน) หรือ SMIT

บริษัททำธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าอุตสาห-กรรมวัตถุดิบ เครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับโรงงานอุตสาห-กรรมหลากหลายประเภท มีมาร์เก็ตแคปประมาณ 3,000 ล้านบาท (กองทุนเล็กๆ พอจะลงทุนได้) มีหุ้นจดทะเบียน 530 ล้านหุ้น มูลค่าทางบัญชี (BV) เท่ากับ 3.39 บาทต่อหุ้น กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เติบโตแบบน่าสนใจมาก คือ ตั้งแต่ปี 2552-2555 เป็นดังนี้ 0.08, 0.38, 0.43 และ 0.58 บาทต่อหุ้น ณ ราคาหุ้นแถวๆ 6 บาท ก็เล่นกันแค่ PEx 10 เท่า ซึ่งก็ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตแบบที่ผ่านมา

เมื่อดูจากธุรกิจที่เป็นเทรดดิ้งเครื่องจักรลงมาถึงอัตราการทำกำไรสุทธิ (Net Margin) ที่ระดับประมาณ 9% ยืนระยะได้ในเวลา 3 ปีย้อนหลัง ก็น่าจะใช้เรตนี้อ้างอิงอนาคตได้ รวมถึงในขณะที่เงินบาทแข็งค่าก็ได้เปรียบเรื่องต้นทุนการนำเข้า ส่วนข่าวที่เป็นบวกขึ้นก็คือ

1.ปีนี้เป็นปีของการลงทุนในหลายธุรกิจ ดังนั้น จะมีการนำเข้าเครื่องจักรอย่างมากซึ่งก็เป็นโอกาสของบริษัท

2.Book Value ยังไม่ได้สะท้อน market cap ของที่ดิน อาคาร โรงงาน สำนักงานที่น่าจะยังไม่ได้ปรับมูลค่าทาง บัญชีที่แท้จริงขึ้น

พอ "นายจริงใจ" มาคิดคร่าวๆ หากใช้ฐานของกำไร ปี 2555 ที่ 0.58 บาทต่อหุ้น คิดว่ากำไรเติบโตในปีนี้ 20% (ซึ่งก็ไม่ได้เยอะแยะอะไร เพราะขนาดช่วงเกิดวิกฤติยุโรปยังโตได้ถึง 13%) ก็จะได้ EPS ที่ 0.70 บาทต่อหุ้น ซึ่งหากโตมากกว่านี้ก็ยิ่งดีขึ้น ระดับ PEx เท่ากับปีก่อนคือ 10 เท่า (เล่นมากกว่านี้ไม่ได้เนื่องจากในอดีตก็เล่นกันที่ PEx ต่ำ) ก็จะได้ราคาเป้าหมายสัก 7 บาทดูอัพไซด์ไม่ค่อยมาก

ดังนั้น ก็ต้องเล่นจาก 3 เรื่อง หากมีข่าวคือ 1.มีแผนธุรกิจหรือข่าวที่ทำให้กำไรเติบโตมากกว่า 20% 2.มีประเด็น เรื่องของการปรับมูลค่าทางบัญชีขึ้น ต้องใช้ 2 ประเด็นนี้ในการจะทำให้ราคาขึ้นแรงได้ โดยส่วนตัวคิดว่า ข้อ 1 จะสมเหตุสมผลกว่าเมื่อดูจากการเติบโตใน 4 ปีที่ผ่านมาครับ (ปีก่อนโตตั้ง 35% -ถ้าปีนี้โตได้บ้างก็จะมี EPS คือ 0.78- Pex10 ก็จะได้ราคาเป้าหมาย 7.8 )

ดังนั้น หากราคาหุ้นลงมาจริงๆ Downside ที่ราคาหุ้นสักประมาณ 5.8 บาทก็ยังน่าสนใจอยู่ครับ