ชื่อของ เจเน็ต เยลเลน (Janet Yellen) นักเศรษฐศาสตร์หญิงวัย 67 ปี รองประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้รับความสนใจจากทั่วโลกทันทีที่เธอ ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตในตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ และในที่สุดกลางเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ได้จัดพิธีแต่งตั้ง เจเน็ต เยลเลน ขึ้นเป็นประธานเฟดคนใหม่ต่อจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดคนปัจจุบัน ที่จะหมดวาระ การดำรงตำแหน่งในวันที่ 31 มกราคม พ.ศ.2557

ขณะนี้สปอตไลต์ทุกดวงจากทั่วโลกกำลังส่องไปที่เจเน็ต ในฐานะตำแหน่ง ประธานเฟดคนใหม่ โดยหลังจากเธอได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจาก วุฒิสภา ก็จะกลายมาเป็นสตรีคนแรกในรอบ 100 ปี ที่ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเฟด ซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อการ ชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีผลกระทบต่อ เศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะภารกิจสำคัญในการตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเชิงปริมาณ (QE) ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

สำหรับเยลเลน มีประวัติการทำงานที่ยาวนานในฐานะผู้กำหนดนโยบายเศรษฐกิจระดับสูงของสหรัฐฯ โดยดำรงตำแหน่งรองประธานเฟด มาเป็นเวลานาน 3 ปีแล้ว

เยลเลนสำเร็จการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบราวน์ ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเมื่อ พ.ศ.2510 และจบการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเยล เมื่อพ.ศ.2514 และเคยสอนที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ที่เบิร์คลีย์มาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี ก่อนที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกคณะกรรมการ ผู้ว่าการเฟดครั้งแรกในปี 1994-1997 แต่หลังจากนั้น ได้ออกไปทำงานเป็นหัวหน้าคณะที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดี บิล คลินตัน และดำรงตำแหน่งประธานเฟดสาขาซาน-ฟรานซิสโกในเวลาต่อมา

ด้านชีวิตครอบครัว เธอได้สมรสกับนายจอร์จ อาเคอร์ลอฟ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ และมีบุตรชายหนึ่งคนคือ โรเบิร์ต อาเคอร์ลอฟ ซึ่งปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์ด้าน เศรษฐศาสตร์เช่นกัน

เธอได้รับเสียงสนับสนุนอย่างแข็งแกร่ง จากสมาชิกพรรคเดโมแครต แต่สมาชิกพรรครีพับลิกันไม่ได้สนับสนุน มากนัก แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้าน โดยหลายคนยังคงกังวลกับนโยบายของเฟดในการตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะ สั้นไว้ที่ระดับใกล้ 0% และวิตกกับนโยบายเข้าซื้อตราสารหนี้จำนวนมาก หรือ QE จะเป็นตัวการในการก่อให้เกิด ภาวะฟองสบู่ในสินทรัพย์ และอาจทำ ให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดกันว่า เยลเลนจะได้รับเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก ได้มากถึง 60 เสียงจากทั้งหมด 100 เสียง และก้าวขึ้นเป็นผู้นำหญิงคนแรกของเฟด

ว่าที่ประธานเฟดคนใหม่ ประเดิม โชว์ความขลัง ด้วยการแสดงวิสัยทัศน์ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำ วุฒิสภา โดยระบุว่า มาตรการกระตุ้นของเฟดต้องคงอยู่ต่อไป เพื่อค้ำจุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงเปราะบางอยู่ เฟดจะทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนการ ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งการเติบโตยังไม่สูงนัก อีกทั้งอัตราว่างงานที่ 7.3% นั้นถือว่าสูงเกินไปที่จะผ่อนคลายมาตรการกระตุ้นได้ พร้อมยืนยันว่า นโยบายผ่อนคลายทาง การเงิน ทั้งในรูปของอัตราดอกเบี้ยต่ำใกล้ศูนย์ และการเข้าซื้อพันธบัตรเดือน ละ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ไม่ได้ก่อให้เกิดฟองสบู่รอบใหม่ในตลาดหุ้นและ อสังหาริมทรัพย์

ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดเงิน ตลาดทุนทั่วโลกคึกคักขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ต่อไปนี้โลกก็คงเงี่ยหูฟัง "ลมปาก" ของว่าที่ประธานหญิง คนใหม่อย่างใกล้ชิด และติดตามฝีไม้ ลายมือของเธอต่อการชี้นำในการพลิก ฟื้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่รอท้าทายในอนาคต