ชิงโหมโรงรูดม่านเปิดฉากบรรเลงตัดหน้างานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ของเจ้าสัวขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ ณ มหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกำหนดจัดขึ้นทุก 2 ปี

งานโตเกียวมอเตอร์โชว์คราวนี้ กำหนดจัดขึ้นเพียง 9 วัน ระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 1 ธันวาคมเท่านั้น แต่เป็นงานที่รวมทีเด็ดแห่งโลกยนตรกรรมไว้เพียบ จากค่ายรถทั้งญี่ปุ่น อเมริกา ยุโรป ที่จะนำรถรุ่นใหม่ๆ พาเหรดเปิดตัวกันไม่น้อย กว่า 200 รุ่น

ค่ายรถยักษ์ใหญ่ทั้งหลายที่มีภูมิลำเนาอยู่ในญี่ปุ่นต่างตบเท้าเข้าอวดดีอวดเด่นกันในงานอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

ค่ายโตโยต้า ซึ่งเป็นทั้งค่ายรถยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของญี่ปุ่นและของโลก นำรถต้นแบบที่สั่งงานด้วยการสแกนใบหน้าและเสียงผู้ขับขี่ไปอวด ร่วมกับนำรถต้นแบบตระกูลเล็กซัสอีก 2 ประเภทคืออาร์ซีคูเป้ และเอสยูวี

ค่ายนิสสัน ซึ่งเป็นค่ายรถยักษ์ใหญ่หมายเลข 2 ของญี่ปุ่น นำรถไฟฟ้าต้นแบบตัวใหม่เอี่ยมภายใต้ชื่อ "Blade Glider" ไปอวดในงาน

ค่ายฮอนด้า ไม่ยอมน้อยหน้านำเอารถต้นแบบขนาดจิ๋วแต่แจ๋วในชื่อรุ่น "เอส 660" ไปอวดประชันโฉมในงาน

ความน่าสนใจของเจ้าฮอนด้า เอส 660 อยู่ที่ความ เป็นรถแบบสปอร์ต 2 ที่นั่ง เปิดประทุนที่มีขนาดกระบอกสูบเพียงแค่ 660 ซีซี เพื่อตอบสนองความประหยัดและคล่องตัว

การเปิดตัวรถต้นแบบตัวนี้ของค่ายฮอนด้า ถือเป็นปรากฏการณ์แรกในรอบ 17 ปีของค่ายนี้ และสะท้อนถึงทิศทางแนวโน้มกระแสนิยมรถยนตรกรรมในอนาคตนับจากนี้ ที่รถยนต์ขนาดเล็กจะครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มมากขึ้น

สำหรับค่ายรถยนต์เจ้าถิ่นรายอื่นๆ อย่างซูซูกิ มิตซูบิชิ มาสด้า ไดฮัทสุ ต่างก็ปล่อยทีเด็ดประชันกันสุดฤทธิ์ในงานนี้แบบ "จัดเต็ม" ชนิดไม่ยอมน้อยหน้าให้แก่กัน

ทาเกชิ มิยาโอะ นักวิเคราะห์ตลาดรถยนต์แห่ง สำนักคาร์โนราม่าแจแปน กล่าวถึงแนวโน้มความนิยมใช้รถยนต์ว่าจะเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก ที่มีรูปทรงสวย เท่ น่ารัก และมีสมรรถนะขับสนุก

คำพยากรณ์ของมิยาโอะ ดูจะสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับตลาดรถยนต์ในญี่ปุ่นตอนนี้ ซึ่งยอดจำหน่ายรถยนต์ขนาดเล็กครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นมาสูงถึงร้อยละ 39 สำหรับยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ภาษีโดยรวมในช่วง 10 เดือนของปีนี้

ยิ่งไปกว่านั้นในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์คราวนี้ ก็มีรถยนต์ขนาดเล็กถูกส่งเข้ามาแสดงในงานเพิ่มขึ้นจาก เมื่อ 2 ปีที่แล้วถึงร้อยละ 14

เหตุปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนความเฟื่องฟูฟู่ฟ่าของรถยนต์ขนาดเล็กน่าจะมาจากเหตุผล 2 ประการ

ประการแรก ประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งค่าเชื้อเพลิง และค่าเช่าที่จอดรถ

ประการที่สอง ประหยัดภาระภาษี เนื่องจากภาระภาษีรถยนต์ขนาดเล็กอยู่ที่ปีละ 7,200 เยน หรือประมาณ 2,160 บาท ขณะที่รถยนต์ขนาดที่ใหญ่ขึ้นต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 29,500-111,000 เยน หรือประมาณ 8,850-33,300 บาท

ยิ่งไปกว่านั้นในปี 2557 รัฐบาลมีแนวโน้มที่จะขยับโครงสร้างภาษีเพิ่มขึ้นไปอีก เพื่อระดมเงินเข้าไปสนับสนุนงบประมาณ ลดภาระการขาดดุลการคลังให้น้อยลง ซึ่งจะยิ่งทำให้ภาระภาษีรถขนาดใหญ่ยิ่งแพงมากขึ้นไปอีก

ที่นี่ประเทศไทยคาดหมายว่างานมอเตอร์เอ็กซ์โปแบบไทยๆ บรรดาค่ายรถทั้งหลายแหล่น่าจะโหมประชันกันจัดรายการลด-แลก-แจก-แถมกันอย่างสะบั้นหั่นแหลก มากกว่าการเปิดตัวรถยนต์ต้นแบบ