รชาดา แสงสุริยะฉัตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉัตรชัยแพทย์แผนโบราณ จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ภายใต้แบรนด์ "หมอเส็ง" กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทเราในรุ่นคุณพ่อได้ดำเนินธุรกิจในรูปแบบคือขายตรงที่เน้นขายสินค้าผ่านตัวแทนเป็นหลัก จากฐานสมาชิกปัจจุบันกว่า 3 ล้านคน ที่มีการ Active อยู่ที่ 700,000 คน โดยผลิตภัณฑ์เรือธงในการทำตลาดที่ผู้บริโภคจะส่วนใหญ่จะรู้จักกันนั้นก็คือ ยาสตรีสมุนไพรว่านชักมดลูก แต่ที่จริงแล้วบริษัทยังมีสินค้ารายการอื่นๆ อีกมากมายภาย ซึ่งกว่า 80% เป็นอาหารเสริม อีก 15% เป็นผลิตภัณฑ์ยาและสมุนไพร ส่วนอีก 5% เป็นกาแฟที่มีการขายอยู่แล้ว 5-6 ปีที่ผ่าน ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2558-2560) บริษัทมีรายได้ลดลงอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้นในปี 2557 มีรายได้อยู่ที่จำนวน 6,000 ล้านบาท จนติดอันดับ 6 ของธุรกิจขายตรงที่ทำรายได้สูงสุดของประเทศในปีนั้น
ทั้งนี้ พวกเราถือเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้รับรับไม้ต่อมาทำการดำเนินธุรกิจต่อ ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตขึ้น รวมทั้งการทำให้สินค้าและแบรนด์สามารถเข้าถึงและเป็นที่รู้จักในลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัยได้มากขึ้น เราจึงมองว่าเราควรจะนำสินค้าที่เรามีมาพัฒนาปรับเปลี่ยนเจาะในกลุ่มตลาดลูกค้าทั่วไปที่เป็น Mass บ้าง ผ่านการทำตลาดรีเทลเนื่องจากจะสามารถเป็นช่องทางที่ทำให้ผู้บริโภครู้จักแบรนด์หมอเส็งของเราได้ในภาพลักษณ์ใหม่และในวงกว้างมากขึ้น อีกทั้งน่าจะสามารถจะเป็นช่องทางใหม่เพิ่มรายได้ให้กับบริษัทอีกทางหนึ่งด้วย
ดังนั้น ในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ เราจึงได้ประเดิมลงทำตลาดรีเทล โดยการนำผลิตภัณฑ์นำร่องคือ กาแฟกระป๋องพร้อมดื่มที่มีการเติบโตทุกปี โดยการปรับปรุงสูตรและนำกาแฟผสมสมุนไพร 9 ชนิด ประกอบไปด้วย โสม ตังกุย ตังเซียม เส็ดตี่ เม็ดบัว รากบัว ฮวยซัว แปะก๊วย ปักคี้ ซึ่งเป็นสมุนไพรที่มีราคาค่อนข้างสูง ตราหมอเส็ง มาทำตลาด Mass จับกลุ่มเป้าหมายจะมีอายุระหว่าง 35-55 ปีเป็นหลักที่ใส่ใจในสุขภาพสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์นี้ได้ในราคากระป๋องละ 25 บาท
ด้าน “พศิน จารุทรรศนกุล” ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาดดูแลช่องทางการกระจายสินค้า และวางแผนงานการตลาดพื้นที่ บริษัท ฉัตรชัยแพทย์แผนโบราณ จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และ ยาแผนโบราณ ภายใต้แบรนด์ “หมอเส็ง” กล่าวเสริมว่า หลังจากที่ได้ทดลองตลาดผ่านทางสมาชิกและร้านค้าทั่วไป ได้ผลตอบรับที่ดีมียอดขายประมาณ 400,000 กระป๋องต่อเดือน โดยภายในเดือนเมษายนนี้เตรียมที่จะทำตลาดผ่านพันธมิตรร้านค้าปลีกในภาคอีสานกว่า 700 ร้านค้า ภาคเหนืออีก 500 ร้านค้า จากนั้นก็มีแพลนที่จะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปที่โมเดิร์นเทรด โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อต่างๆ และร้านค้าในปั๊มน้ำมันทั้งจิฟฟี่ ท็อป เดลี่ และแฟมิลี่ มาร์ท เพิ่มเติม โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายปีละ 12 ล้านกระป๋องหรือเดือนละ 1 ล้านกระป๋อง ในปี 2561 คิดเป็น 1.5% จากตลาดรวมของตลาดกาแฟปรุงสำเร็จพร้อมดื่มที่มีมูลค่าสูงกว่า 12,500 ล้านบาท ที่มีอัตราการเติบโตประมาณ 2% และมีการวางแผนการตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายฐานลูกค้าให้ได้เดือนละ 2 ล้านกระป๋องต่อไป
ปิดท้ายที่ “นันท์นภัส สุวรรณโมลี” ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท หมอเส็ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวถึงแผนในด้านการสื่อสารกับผู้บริโภค ว่า บริษัทได้ปล่อยหนังโฆษณาไวรัลถ่ายทอดเรื่องราวการใช้ชีวิตของคนทั่วไปในยุคปัจจุบันที่ทำงานจนอ่อนเพลีย ใช้ชีวิตหนัก และไม่มีเวลาดูแลสุขภาพ จึงต้องหาตัวช่วยอย่าง “กาแฟผสมสมุนไพร 9 ชนิด ตราหมอเส็ง” เพื่อช่วยให้สามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่พร้อมมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย พร้อมกันนี้ยังได้วางแผนจะทำสื่อสารการตลาดผ่านบนโลกออนไลน์และส่งเสริมการตลาดอื่นๆ อีกมากมาย อีกทั้งจะพัฒนา Official Fanpage ในเฟซบุ๊ก และไลน์ ในการให้สามารถเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าอีกทางหนึ่งระบบแบบอีคอมเมิร์ซ เพื่อให้ผู้สนใจสินค้าสามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางนี้ได้อีกช่องทางหนึ่งได้สะดวก ง่าย รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
