BTS เตรียมแจกปันผลพิเศษหลังกองทุน BTSGIF เข้าตลาดฯ ระบุเป็นกองทุนที่เหมาะลงทุนระยะยาว เผยรับทรัพย์เข้ากระเป๋ามีเงินสดเหลือในมือกว่า 3 หมื่นล้าน พร้อมหาโอกาสเข้าประมูลงานเดินรถใหม่ ส่วนแผนการปรับขึ้นค่าโดยสารคาดได้ข้อสรุปภายในเดือนนี้ ด้านโบรกฯ แนะทยอยสะสมหุ้น BTS ประเมินเงินปันผลพิเศษอยู่ที่ 0.80-1.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทนสูงถึง 8.6-10.8% ทั้งคงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในระยะยาวของ BTS จากความพร้อมสูงสุดต่อการลงทุนเดินรถไฟฟ้าเส้นทางสายใหม่ที่รัฐบาลเปิดประมูลในปีนี้

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่า บริษัทจะมีเงินสดที่เหลือจากการขายสัญญาการเดินรถไฟฟ้าเข้ากองทุน BTSGIF ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะใช้ในการนำไปลงทุนให้ต่อเนื่อง โดยจะหาโอกาสในการลงทุนโครงการใหม่ๆ ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าโครงการเดิม เช่น ส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีเขียว รถไฟฟ้าสายสีชมพู และส่วนต่อขยายของรถไฟใต้ดิน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการของภาครัฐ ซึ่งเป็นโอกาสของบริษัทที่จะเข้าไปร่วมประมูลในโครงการเดินรถในโครงการดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม การเข้าไปลงทุนดังกล่าวอาจมีการขยายกองทุน BISGIF เพื่อนำสัญญาการเดินรถเข้าไปในกองทุนได้ในอนาคต ซึ่งตัวกองทุน BTSGIF ก็สามารถกู้เงินจากสถาบันทางการเงินเพื่อ ไปลงทุนในโครงการอื่นๆ ได้ เนื่องจากกองทุนดังกล่าวปัจจุบันไม่มีหนี้สิน และมีแนวโน้มการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทมองเป้าหมายของกองทุน BTSGIF จะมีอัตราการเติบโตตามโครงสร้างการเดินรถของประเทศ ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตจะมีการขยายการเดินรถของรถไฟฟ้าในประเทศอีกจำนวนมาก

นอกจากนี้ คาดว่าภายในเดือนเมษายนนี้ จะได้ข้อสรุปการปรับขึ้นของอัตราค่าโดยสารบีทีเอส หลังจากบริษัทมีต้นทุนจากการเดินรถเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทมีสัญญาการปรับราคาขึ้นในเพดานปรับได้ถึง 51 บาท แต่คงจะไม่ปรับขึ้นถึงระดับเพดานดังกล่าว อย่างไรก็ตาม มองว่าปัจจุบันถึงเวลาแล้วที่บริษัทต้องปรับราคาค่าโดยสารบีทีเอสขึ้น หลังจากไม่มีการปรับราคามานานหลายปี โดยการปรับขึ้นในครั้งนี้จะมีราคาที่ต่ำกว่าเงินเฟ้อ และจะอ้างอิงถึงความเหมาะสมของต้นทุน อีกทั้งการปรับขึ้นของค่าโดยสาร อาจส่งผลทำให้อัตราผลตอบแทนของกองทุนรวม BTSGIF ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย

ส่วนการเปิดซื้อขายของกองทุนรวม BTSGIF ในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทไม่กังวล แม้ตลาดหุ้นไทยจะอยู่ในช่วงผันผวน เนื่องจากมองว่ากองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นการลงทุนในระยะยาว เนื่องจากมีผลตอบแทน อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การนำสัมปทานการเดินรถเข้าไปในกองทุนดังกล่าว จะไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท เนื่องจากบริษัทจะมีรายได้จากเงินปันผลจากการที่บริษัทเข้าไปถือในกองทุนประมาณ 30% ซึ่งจะกลับมาเป็นรายได้เข้าสู่บริษัท และการลงทุนดังกล่าวยังไม่เสียภาษีและค่าเสื่อมของการเดินรถ ขณะที่ปัจจุบันแนวโน้มอัตราการเติบโตของผู้โดยสารบีทีเอสสูงสุดอยู่ที่ 750,000 คนต่อวัน ซึ่งเฉลี่ยที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตปีละประมาณ 11% ซึ่งแนวโน้มในอนาคตจะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของ บริษัท และกองทุน BTSGIF

"บริษัทจะมีการประชุมของคณะกรรมการบริษัทในการพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลพิเศษ หลังจากบริษัทมีการขายสัมปทานการดำเนินงานระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพสายหลักเข้ากองทุน BTSGIF ซึ่งอายุสัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดในวันที่ 4 ธันวาคม 2572 โดยการขายสัญญาดังกล่าวมีมูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทจะมีกำไรจากการขายสัญญาดังกล่าวสัมปทานเข้ากองทุนหลายหมื่นล้านบาท ทั้งนี้ มองแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลพิเศษในงวดดังกล่าว คาดว่าจะมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นจากการจ่ายปันผลงวดก่อน" นายคีรี กล่าว

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์กิมเอ็ง ระบุว่า การเข้าซื้อขายของกองทุน BTSGIF ในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้น BTS เนื่องจาก BTS ถือหุ้นใน BTSGIF ในสัดส่วน 33.3% ดังนั้น จึงเป็นการปลดล็อกมูลค่า Asset ให้สะท้อนราคาตลาดมากขึ้น และยังคาดว่า BTS จะจ่ายเงินปันผลพิเศษได้ราว 0.80-1.00 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 8.6-10.8% หลังได้รับเงินสดสุทธิราว 4 หมื่นล้านบาท จากการขายกองทุน BTSGIF

นอกจากนี้ การทยอยปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม จะเป็นอีกปัจจัย บวกเชิง Sentiment โดยคาดว่ากำไรปกติของ BTS ปี 55/56 จะเติบโต 107% จากปีก่อน เป็น 1,972 ล้านบาท และต่อเนื่อง 23% จากปีก่อนในปี 56/57 เป็น 2,435 ล้านบาท พร้อมทั้งคงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในระยะยาวของ BTS เนื่องจากมีความพร้อมสูงสุดต่อการลงทุน เดินรถไฟฟ้าเส้นทางสายใหม่ที่รัฐบาลจะเปิดประมูลในปีนี้ จากเงินสดในมือที่สูงถึง 3-4 หมื่นล้านบาท ดังนั้น การลงทุนในหุ้น BTS แนะนำทยอยสะสม