บล.ไทยพาณิชย์ย้ำเป้า SET index ปลายปีนี้ที่ 1900 จุด

วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2561

บล.ไทยพาณิชย์ย้ำเป้า SET index ปลายปีนี้ที่ 1900 จุด


บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS)  คงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้ มตลาดหุ้นไทย  รับอานิสงส์จากปัจจัยหนุนภายใน ประเทศ ทั้งการลงทุนภาครัฐและเอกชน การกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศด้ วยงบกลางปี หนุนเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง ทำให้สินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวม ากขึ้นและคุณภาพสินทรัพย์ภาคธนา คารดีขึ้น มั่นใจ SET index ปลายปีนี้ปรับตัวไปสู่เป้าหมาย 1900 จุด สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ถึงคิวมองหาหุ้นเติบโตดีที่ราคา ยังไม่แพง ชูกลุ่มธนาคาร กลุ่มพาณิชย์ และ กลุ่มโรงพยาบาล

นายอิสระ อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกปิดฉากปี 2560 อย่างสวยงาม โดยประเมินอัตราการขยายตัวที่ 3.7% YoY และดูเหมือนว่าโมเมนตั้มจะดีต่อ เนื่องในปี 2561 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อ บรรยากาศการลงทุน คือ สถานการณ์ที่อัตราดอกเบี้ยปรั บขึ้นเร็วกว่าคาดและแนวโน้มที่ อาจจะเกิดสงครามการค้าโลก ในขณะที่เศรษฐกิจไทยยังคงปรับตั วดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยขยายตัว 3.9% ในปี 2560 อย่างไรก็ดี แนวโน้มการเติบโตในปี 2561 ยังดูดีโดยมีสัญญาณจากการลงทุนภ าคเอกชนที่ฟื้นตัวดีขึ้น ในขณะที่การใช้จ่ายอุปโภคบริโภค ยังแข็งแกร่งต่อเนื่องจากปีก่อน เมื่ออิงกับประมาณการเศรษฐกิจล่ าสุดของกองทุนการเงินระหว่างประ เทศ (IMF) เศรษฐกิจทั่วโลกน่าจะขยายตัว 3.9% YoY ในปีนี้ เร่งตัวขึ้นจากการปรับเพิ่มประม าณการเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งจะยังคงหนุนภาคส่งออกของไทย ควบคู่ไปด้วย

ปัจจุบันมีปัจจัยเสี่ยงหลักๆ 2 อย่างเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกและตล าดการเงิน ได้แก่ ความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ ยหรือต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้ นซึ่งอาจส่งผลฉุดรั้งความเชื่ อมั่นของนักลงทุน โดยปัจจัยเสี่ยงสำคัญอยู่ที่แนว โน้มอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่อาจปรับขึ้นเร็วกว่าคาดเนื่อ งจากปัจจัยกดดันด้านอัตราเงิ นเฟ้อของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอีก จากตลาดแรงงานที่ตึงตัวขึ้น และ output gap เป็นบวกมากขึ้นซึ่งบ่งบอกว่าอัต ราการใช้กำลังการผลิตตึงตั วมากขึ้นสอดคล้องกันในหลายๆ ภาคธุรกิจ ชี้ให้เห็นว่าโมเมนตั้มการเติบโ ตอาจแข็งแกร่งกว่าคาดในสหรัฐฯ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ เฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ ยนโยบายเพิ่มขึ้น 4 ครั้งในปีนี้ เร็วกว่าที่ตลาดคาดว่าน่าจะขึ้น เพียง 3 ครั้ง

“SCBS มองว่า ความกังวลที่จะเกิดสงครามการค้า ทั่วโลกกลับมาอีกครั้ง นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งเมื่อปลายปี 2559 สหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ าแผงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องซักผ้า เหล็ก อลูมิเนียม ซึ่งแม้จะมีการผ่อนปรนให้กับคู่ ค้าบางประเทศเช่น ออสเตรเลีย แคนนาดา เม็กซิโก ฯลฯ แต่การประกาศเตรียมขึ้นภาษีระรอ กล่าสุดที่มีการตอบโต้ไปมาระหว่ างสหรัฐฯ และจีนดูเหมือนจะทวีความรุ นแรงขึ้น ทำให้ตลาดมีความกังวลต่อความเสี่ ยงที่จะเกิดสงครามการค้ามากขึ้น ” 

กลยุทธ์การลงทุนประจำไตรมาส 2 ปี 2561 SET index ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 4% นับตั้งแต่ต้นปี 2561 จนถึงกลางเดือนมี.ค. หลักๆ ได้รับปัจจัยกระตุ้นจากกลุ่มพลั งงานและปิโตรเคมี คาดว่า SET index จะเคลื่อนไหวแบบ sideways ในไตรมาส 2 ปี 2561 และยังคงเป้า SET index สิ้นปี 61 ไว้ที่ 1900 จุด สำหรับหุ้น Top Picks ประจำไตรมาส 2 ปี 2561 เลือกกลุ่มธนาคาร เพราะสินเชื่อจะกลับมาขยายตั วได้ดีขึ้นและคุณภาพสินทรัพย์ ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้เลือกกลุ่มพาณิชย์เพรา ะงบประมาณกลางปีจะเน้นกระตุ้นเศ รษฐกิจและการใช้จ่ายรากหญ้า สุดท้าย กลุ่มการแพทย์ เนื่องจากเป็นหุ้น laggard และกำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งใ น ปี 2561 ประกอบกับ   เทรนด์ใหม่ของธุรกิจประกันสุขภา พซึ่งจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายด้ านสุขภาพของประเทศไทยในระยะยาว

·    บมจ. กรุงเทพ (BBL): หุ้น laggard paly ที่ดีที่สุดในกลุ่มธนาคารเพราะจ ะได้รับประโยชน์จากวัฏจักรการลง ทุนรอบใหม่และรายได้ค่าธรรมเนีย มจากการขายสินค้ากลุ่มประกันชี วิตจะเพิ่มขึ้น

·        บมจ.กรุงไทย (KTB): ราคา laggard ซื้อขายที่ PBV 0.9 เท่า (-1SD จากค่าเฉลี่ย 15 ปี ) เติบโตตามการลงทุนภาครัฐและวั ฏจักรการลงทุนระรอกใหม่ ของประเทศ

·        บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC): ราคา laggard ซื้อขายที่ PEG ปี 61 ระดับ 1.0 เท่า (ค่าเฉลี่ยของกลุ่มอยู่ที่ 2.2 เท่า) คาดกำไรเติบโต 33% ในปี 61

·        บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL): หุ้น laggard มากที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ กำไรปี 61 จะเติบโต 22% โดยได้รับปัจจัยกระตุ้นจาก SSS ที่เติบโต 4.5% (ดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์)

·        บมจ.โรบินสัน (ROBINS): ถูกที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ที่ PE ปี 61 ระดับ 22 เท่า (ค่าเฉลี่ยของกลุ่มอยู่ที่ 32 เท่า) และกำไรจะเติบโต 16% เพราะ SSS และอัตรากำไรจะปรับตัวดีขึ้น

·        บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS): ราคาหุ้นยังปรับขึ้นน้อยกว่า SET นับตั้งแต่ตลาดเริ่มปรับตัวขึ้น ในเดือนก.ย. 60 EPS จะเติบโต 17% ในปี 61 และมีการจับมือกับบริษัทประกั นซึ่งจะทำให้รายได้จากผู้ป่ วยประกันสุขภาพมีแนวโน้มเติ บโตในระยะยาว

·        บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG): ราคาหุ้นลดลง 28% ใน 1 ปีที่ผ่านมาเพราะกังวลเรื่องการ แข่งขันขยายกิจการสู่พื้นที่ EEC และพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งรพ.เอกช นคิดเป็นสัดส่วนเพียง 5-15% ของจำนวนเตียงทั้งหมด



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ