นลสัน แมนเดลา อดีตประธานา ธิบดีแอฟริกาใต้ ถึงแก่อสัญกรรม อย่างสงบด้วยวัย 95 ปี ที่บ้านพักในเมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันพฤหัสบดี (5 ธันวาคม) ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 04.45 น. ของวันที่ 6 ธ.ค. ตามเวลาประเทศไทย หลังล้มป่วยด้วยอาการติดเชื้อในปอดมานาน

ประธานาธิบดี จาค็อบ ซูมา สั่งลดธงครึ่งเสาเพื่อไว้อาลัย และเตรียมจัดงานศพแบบรัฐพิธีเต็มรูปแบบ ซึ่งทันทีที่ทั่วโลกทราบข่าวการสูญเสีย เนลสัน แมนเดลา ต่างก็ออกมาสรรเสริญวีรบุรุษผู้ล่วงลับ

เนลสัน ถือเป็นวีรบุรุษผู้นักต่อสู้ลัทธิเหยียดผิว รัฐบุรุษนักเคลื่อนไหว ต่อต้านความอยุติธรรม เจ้าของรางวัลโนเบล และนักโทษผู้ปลุกจิต สำนึกได้จากโลกนี้ไปแล้วมากต่อมาก ได้รับการยกย่องจากประชาคมโลกเป็นหนึ่งเดียว ทำให้ผู้นำทั่วโลกออกมาแสดงความคารวะและไว้อาลัย ต่อการจากไป

โดย ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ กล่าวว่า ด้วยความสง่างามและเจตจำนงที่จะเสียสละอิสรภาพของตนเองเพื่อเสรีภาพของคนอื่นๆ เขาได้เปลี่ยนผ่านแอฟริกาใต้และสร้างแรงบันดาลใจแก่เรา การที่ แมนเดลา ได้รับอิสรภาพหลังตกเป็นนักโทษการเมืองอยู่นานถึง 27 ปี คือแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้เขาก้าวสู่เส้นทางการเมืองสหรัฐฯ

ขณะที บัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ ประกาศยกย่อง แมนเดลา เป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งความยุติธรรม ที่สร้างแรงบันดาลใจต่อคนทั่วโลก โดยการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี ความเท่าเทียม และเสรีภาพของมนุษย์อย่างไร้ความเห็นแก่ตัว

ด้าน นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษ กล่าวว่า รู้สึกสะเทือนใจไม่น้อยต่อการอำลาโลกของ เนลสัน แมนเดลา ถือว่า แสงไฟอันสว่างจ้าของโลกได้ดับหายไปแล้ว

++ อัตชีวประวัติ เนลสัน โรลีลาลา มันเดลา ++

เนลสัน โรลีลาลา มันเดลา (Nelson Rolihlahla Mandela) เกิดวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2461 ที่ที่หมู่บ้านเอ็มเวโซ ในเมืองอุมตาตา จังหวัดเคป ซึ่ง อยู่ทางตอนใต้สุดของแอฟริกาใต้ โดยชื่อที่บิดามารดาตั้งให้คือ โรลิห์ลาห์ลา ซึ่งแมนเดลานำมาเป็นชื่อกลางของตัวเอง และใช้ชื่อ เนลสัน ซึ่งเป็นชื่อภาษาอังกฤษที่ครูตั้งให้เป็นชื่อต้น

2485 - สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคสมัชชาแห่งชาติแอฟริกา (เอเอ็นซี) องค์กร เคลื่อนไหวเพื่อความเสมอภาคระหว่างชาวผิวขาวกับชาวผิวสีในแอฟริกาใต้

2486 - จบการศึกษาด้านศิลปศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฟอร์ทแฮร์ ด้วยวิธีโอน หน่วยกิตไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยเซาท์แอฟริกา และด้านนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัย วิทวอเทอร์สแรนด์

4 มิ.ย. 2491 - พรรคเนชั่นแนล ซึ่งบริหารงานโดยชาวแอฟริกาใต้ผิวขาวเชื้อสายดัตช์ ชนะการเลือกตั้งทั่วไปและบังคับใช้กฎหมายแบ่งแยกสีผิว ที่ระบุให้มีผลต่อเนื่องนานถึง 46 ปี

2495 - แมนเดลาเป็นแกนนำคนสำคัญในการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านกฎหมาย แบ่งแยกสีผิว แต่ถูกจับกุมในเวลาไม่นานในข้อหาปลุกระดมลัทธิคอมมิวนิสต์ รัฐบาลสั่ง แมนเดลาห้ามเคลื่อนไหวทางการเมืองและห้ามเดินทางออกนอกเมืองโจฮันเนสเบิร์ก อย่าง ไรก็ตาม แมนเดลาสามารถผ่านการสอบบรรจุเป็นอัยการ และเริ่มความร่วมมือด้านกฎ หมาย เพื่อคนผิวสีเป็นครั้งแรกในประเทศ โดยได้รับความสนับสนุนจากเพื่อนชื่อ "แทมโบ"

2504 - ดำรงตำแหน่งผู้นำกองกำลังติดอาวุธของเอเอ็นซี ใช้ยุทธวิธีการรบแบบกองโจร เพื่อต่อสู้กับรัฐบาลในการล้มล้างนโยบายกีดกันทางสีผิว แต่ถูกจับกุมได้ในอีก 1 ปีต่อมา

20 เม.ย. 2507 - ศาลเปิดการไต่สวนในคดีของเอเอ็นซี แมนเดลาให้การว่า พร้อมสละชีวิตเพื่อให้อุดมการณ์ที่จะสร้างความเท่าเทียมทางสีผิวในสังคมแอฟริกา ใต้คงอยู่ต่อไป

12 มิ.ย. 2507 - ศาลพิพากษาให้แมนเดลาพร้อมเพื่อนสนามชิกเอเอ็นซีอีก 6 คน รับโทษจำคุกตลอดชีวิต ที่เรือนจำบนเกาะร็อบเบน ซึ่งแมนเดลาและกลุ่มเพื่อนถูกกดขี่อย่างหนัก เนื่องจากเป็น ชาวผิวสีทั้งหมด

2516 - แมนเดลาปฏิเสธข้อเสนอของรัฐบาลที่จะปล่อยตัวเขาพร้อมทัณฑ์บน หลังพบว่าทางการมีข้อ แม้ให้เขาเดินทางกลับบ้านเกิดแล้วห้ามเดินทางกลับเข้าเมืองหลวงอีก

10 ก.พ. 2528 - รัฐบาลเสนอมอบอิสรภาพให้แมนเดลาอีกครั้ง แต่มีข้อแลก เปลี่ยนว่าแมนเดลาต้องยุติการเคลื่อนไหวที่ก่อให้เกิดความรุนแรง ซึ่งแมนเดลาปฏิเสธ พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลต้องเป็นฝ่ายยุติการก่อเหตุรุนแรงก่อน ด้วยการยกเลิกนโยบายแบ่งแยกสีผิว

9 ธ.ค. 2531 - รัฐบาลย้ายแมนเดลาไปคุมขังในเรือนจำทางตอนเหนือของเมืองเคปทาวน์ ซึ่งมีสภาพดีกว่าเรือนจำบนเกาะร็อบเบน หลังแมนเดลาล้มป่วยและ ต้องรับการผ่าตัดต่อมลูกหมาก ระหว่างนั้นนายโคบี โคตซี รมว.กระทรวงยุติธรรม เดินทางเข้าเยี่ยมและเจรจาสันติภาพกับแมนเดลาหลายครั้ง แต่ยังไม่คืบหน้ามากนัก

10 ก.พ. 2533 - ประธานาธิบดีเอฟ.ดับเบิลยู. เดอ เคลิร์ก ผู้นำแอฟริกาใต้ สั่งให้ปล่อยตัวแมนเดลา

15 ต.ค. 2533 - แมนเดลาและเดอ เคลิร์ก ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการโนเบลนอร์เวย์ ให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพร่วมกัน

10 พ.ค. 2534 - แมนเดลาทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแอฟริ-กาใต้ หลังคว้าชัยชนะขาดลอยสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำผิวสีคนแรกของประเทศ

16 มิ.ย. 2539 - แมนเดลาหมดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งสมัยที่ 2 แต่หันมาอุทิศตนทำงานด้านการกุศลแทน

ธ.ค. 2555 - แมนเดลาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลนาน 3 สัปดาห์ เนื่องจากภาวะติดเชื้อแทรกซ้อนในปอด และต้องเข้ารับการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี

5 ธ.ค. 2556 - แมนเดลาถึงแก่อสัญกรรม สิริรวมอายุได้ 95 ปี

เนลสัน มันเดลา ได้รับรางวัลต่างๆ มากกว่า 250 รางวัลตลอดช่วงเวลา 4 ทศ-วรรษ รางวัลที่สำคัญที่สุดคือ รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ประจำปี พ.ศ.2536