ท่ามกลางกระแสความโศกสลดต่อการถึงแก่อสัญกรรมของ "เนลสัน แมนเดลา" นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแอฟริกาใต้... สมรภูมิธุรกิจการให้บริการ ด้านการบินของโลก ก็มีความเคลื่อนไหว เป็นไปในลักษณะฟาดฟันห้ำหั่นพันตูกันสุดฤทธิ์สุดเดช ชนิดใครดีใครอยู่...ใครสู้ไม่ไหวมีอันต้อง "ม้วนเสื่อ" หมดเนื้อหมดตัว

หลายค่ายสายการบินมีผลประกอบการยอบแยบย่ำแย่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาของปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายการบินแควนตัส สัญชาติออสเตรเลีย ที่เจอทั้งพิษต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่แพงขึ้น แต่กลับต้องกลั้นใจขายตั๋วโดยสารในราคาถูกลง อันเนื่องจากมาอิทธิพลการแข่งขันของสายการบินน้องใหม่ "เวอร์จิ้นออสเตรเลียโฮลดิ้ง" ที่ขายตั๋วตัดราคา

ความเสื่อมทรุดของผลประกอบการ ทำให้ "อลัน จอยซ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอ ของแควนตัส จำใจต้องลดทอนต้นทุน เพื่อความอยู่รอด ด้วยการ "โละ" พนักงานจำนวน 1,000 คนออกจากงาน

เท่านั้นยังไม่มั่นใจว่าจะไปได้ตลอดรอดฝั่ง จึงได้มีการทำหนังสือวิงวอนร้องขอเงินสนับสนุนจากรัฐบาล เพื่อสำรองไว้เสริมสภาพคล่องที่อาจจะเหือดแห้งลงได้

อาการที่กำลังเกิดขึ้นกับสายการบินแควนตัส ที่มีรัฐบาลออสเตรเลียเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ดูไปแล้วช่างมีความละม้ายคล้ายคลึงยิ่งนักกับ "การบินไทย" ที่มีรัฐบาลไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จะต่างกันก็ตรงที่กรณีการบินไทย คุณสรจักร เกษมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่และคุณอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และประธานธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานการบินไทยยังไม่มีการตัดลดพนักงาน และยังไม่มีการร้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาล

ในทางตรงกันข้ามบรรดาสายการบินในตะวันออกกลาง กลับมีปฏิกิริยาความเคลื่อนไหวที่คึกคักมีชีวิตชีวา โดยสะท้อนรูปธรรมผ่านการสั่งซื้อเครื่องบินมาเสริมฝูงบินกันอุตลุด ในช่วงงานแสดงเครื่องบินหรือแอร์โชว์ ที่เมืองดูไบ ประเทศสหพันธรัฐอาหรับเอมิเรตส์เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นงานแสดงเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดของโลกยุคนี้

ระหว่างงานที่ว่านี้สายการบิน Etihad และสายการบิน Emirates แห่งสหพันธรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีการสั่งซื้อเครื่องบินโดยสารรุ่นใหม่เอี่ยมรวมกันทั้งสิ้น 343 ลำ คิดเป็นมูลค่ารวมกันกว่า 173,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5.4 ล้านล้านบาท เทียบเท่ากับเกือบครึ่งหนึ่งของจีดีพีประเทศไทย

ในงานเดียวกันนี้สายการบินการ์ตา ก็มีการเคาะสั่งซื้อเครื่องบินโดยสารรุ่นใหม่ถึง 50 ลำ คิดเป็นมูลค่ารวมถึง 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 590,000 ล้านบาท

เครื่องบินโดยสารส่วนใหญ่ที่ได้รับความสนใจสั่งซื้อ กระจุกตัวรวมศูนย์อยู่กับ 2 ค่ายเท่านั้นคือค่ายโบอิ้ง กับค่ายแอร์บัส

เครื่องบินโดยสารตระกูลโบอิ้ง ที่ถูกสั่งซื้อ ส่วนใหญ่เป็นรุ่น 777 ตั้งแต่ 777-X 777-8X และ 777-9X ซึ่งถือเป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ที่สุดของตระกูลโบอิ้ง ที่ถูกสร้างขึ้นแทนที่ 747-800

สำหรับเครื่องบินโดยสารตระกูลแอร์บัส ที่ได้รับความสนใจสั่งซื้อ ส่วนใหญ่เป็นรุ่น เอ-350 และ เอ-380

เหตุปัจจัยสำคัญที่ 3 สายการบินยักษ์ใหญ่ในตะวันออกกลาง กล้าทำสัญญาสั่งซื้อเครื่องบินเป็นมูลค่ามหาศาล ก็เพื่อรองรับการเปิดเส้นทางบินใหม่ๆ จากฐานบินในอาบูดาบี หรือดูไบ ไปยังสหรัฐอเมริกา บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน

สมรภูมินี้ไม่แน่จริง มีหวัง "แน่นิ่ง"