นายวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 2,742 ล้านบาท เติบโต 8.7% (เมื่อไม่รวมรายการพิเศษ ซึ่งบริษัทมีการบันทึกรายการพิเศษจากการกลับรายการหนี้สูญและรับเงินค่าชดเชยอุทกภัย ที่เกิดขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2559) โดยการเติบโตเป็นผลมาจาก การเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้จากค่าเช่า ซึ่งมีอัตราการเช่าพื้นที่ศูนย์การค้า ที่ร้อยละ 99 รวมทั้งจากการเพิ่มขึ้นของรายได้อื่น การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการขยาย 3 สาขา ทั้ง ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ เพชรบุรี (เดือนพฤษภาคม 2560), ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน มหาชัย (เดือนพฤศจิกายน 2560) และศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ กำแพงเพชร (เดือนธันวาคม 2560) ซึ่งในส่วนศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์มีจำนวนผู้ใช้บริการ 7.9 ล้านคนต่อเดือน เพิ่มขึ้น 12.9% ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าการลงทุนขยาย 2 สาขาใหม่ในปีนี้
สำหรับการดำเนินธุรกิจในปีนี้นั้นนับเป็นอีกปีที่มีสิ่งท้าทายทั้งในด้านเศรษฐกิจ และสภาพการแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกในประเทศ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของพฤติกรรมการจับจ่ายของลูกค้า บริษัทฯ จึงต้องได้วางแผนหลากหลายกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยในปี 2561นี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะรุกตลาดค้าปลีก โดยเน้น 2 แผนงานการตลาดที่สำคัญ คือ (1) การพัฒนาการตลาดออนไลน์ ก้าวสู่การเป็น Omni Chanel อย่างสมบูรณ์แบบ ในการนำระบบช้อปปิ้งออนไลน์มาช่วยเติมเต็ม ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตของธุรกิจออนไลน์ราว 150% (2) การทำกลยุทธ์ซีอาร์เอ็ม โดยการแบ่งกลุ่มลูกค้าอย่างชัดเจน บนโซเชียล มีเดีย ที่เป็นที่นิยม อาทิ ไลน์, เฟซบุค โดยอาศัยฐานข้อมูลสมาชิกเดอะวันการ์ดของบริษัทฯ มาช่วยสนับสนุน อีกทั้งบริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดบริการ Social E-Commerce หรือการฝากขายสินค้าบนโซเชียลมีเดียของโรบินสัน ในช่วงไตรมาสที่ 3 โดยในปัจจุบันมีผู้ติดตามเฟซบุคกว่า 9 แสนคน และ Line Official ถึง 15 ล้านคน อีกทั้ง บริษัทฯ ยังคงเดินหน้านำเสนอแคมเปญการตลาดของทั้งห้างฯ และศูนย์การค้าฯ ตลอดปี ถึง 11 แคมเปญ ซึ่งบริษัทฯ ได้วางงบด้านการส่งเสริมการขายตามแผนงานข้างต้นไว้ราว 600 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้ารุกตลาดเพื่อสร้างความแตกต่างแก่ธุรกิจ โดยชู ‘กลุ่มสินค้าที่ทำการตลาดและจัดจำหน่ายโดยโรบินสัน’ หรือ ‘กลุ่มสินค้า Private Label’ ที่ในปี 2560 ที่ผ่านมามีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 11.3% โดยกลุ่มสินค้า Private Label ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ จะเดินหน้าพิจาณากลุ่มสินค้าที่เหมาะจะเป็น ‘Private Label’ เพิ่มเติมต่อไป โดยในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขาย ‘กลุ่มสินค้า Private Label’ ที่ประมาณ 13%
ผู้บริหาร กล่าวต่อว่า ในปี 2561 บริษัทฯ วางงบไว้ราว 3000 ล้านบาท ในการลงทุนขยายสาขาอย่างต่อเนื่องล่าสุด ได้วางแผนลงทุนราว 1,000 ล้านบาท เพื่อเปิดสาขาใหม่ในรูปแบบ ‘ศูนย์การค้า โรบินสันไลฟ์สไตล์’ ในชื่อ ‘ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ สาขาชลบุรี’ ที่บริเวณด้านหลังนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งนับเป็นสาขาลำดับที่ 47 และเป็นสาขาลำดับที่ 21 ในรูปแบบศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ก่อสร้างเป็น 2 ชั้น บนพื้นที่ราว 36,000 ตารางเมตร โดยเป็นสาขาที่ 3 ในจังหวัดชลบุรี หลังจากเปิด 2 สาขาก่อนหน้านี้ที่ศูนย์การค้าแปซิฟิค พาร์ค ศรีราชา และศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ชลบุรี
ส่วนอีก 1 สาขา มีแผนจะเปิดในไตรมาสที่ 4 ในรูปแบบ ‘ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์’ เช่นกัน ที่จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งนับเป็นสาขาลำดับที่ 48 และเป็นสาขาลำดับที่ 22 ในรูปแบบศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 800 ล้านบาท บนพื้นที่ 32,000 ตารางเมตร เพื่อขานรับนโยบายภาครัฐ ในการต่อยอดการพัฒนาเศรษฐกิจและกระจายความเจริญสู่เมืองรองของไทย