นายโอเมอร์ มาลิค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังการประกาศร่วมทุนระหว่างเป๊ปซี่โคและกลุ่มซันโทรี่ที่ผ่านมา ล่าสุดนี้เราพร้อมเปิดตัว บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SPBT อย่างเป็นทางการ โดยเป็นการผสานพลังและศักยภาพของทั้งสองบริษัทชั้นนำระดับโลกในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์มูลค่า 1.5 แสนล้านบาท ในประเทศไทย ควบคู่ไปกับการรุกขยายพอร์ตโฟลิโอเครื่องดื่มอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดื่มที่ช่วยเติมเต็มความสดชื่น เครื่องดื่มเกลือแร่ ชา-กาแฟพร้อมดื่ม น้ำดื่มบรรจุขวด น้ำผลไม้ รวมไปถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ในอนาคต เพื่อมุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย

ทั้งนี้ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SPBT เกิดขึ้นจากการร่วมทุน ระหว่าง “ซันโทรี่” ผู้นำระดับโลกในธุรกิจเครื่องดื่มสัญชาติญี่ปุ่น และ “เป๊ปซี่โค” บริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีทุนจดทะเบียนมูลค่า 19,680 ล้านบาท ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มให้กับเครือเป๊ปซี่โค อาทิ เครื่องดื่ม “เป๊ปซี่” “มิรินด้า” “เซเว่น-อัพ” ชาพร้อมดื่ม “ลิปตัน” เครื่องดื่มเกลือแร่ “เกเตอเรด” และเครื่องดื่ม “อควาฟิน่า” รวมไปถึงการพัฒนานวัตกรรมเครื่องดื่มและสินค้าใหม่ๆ จากซันโทรี่ในอนาคต  ส่วนในด้านการผลิต SPBT มีฐานการผลิตเครื่องดื่ม 2 แห่ง คือ โรงงานระยอง ซึ่งมีขนาด 96 ไร่ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง และโรงงานสระบุรี บนพื้นที่ 104 ไร่ภายในนิคมอุตสาหกรรมหนองแค จังหวัดสระบุรี สำหรับในด้านการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้า SPBT ยังคงผนึกพันธมิตรกับ “ดีเอชแอล” ผู้นำในด้านโลจิสติกส์และการบริหารคลังสินค้าระดับโลก ควบคู่ไปกับการใช้โมเดลธุรกิจแบบดิสทริบิวเตอร์เพื่อกระจายสินค้าไปยังท้องถิ่นผ่านตัวแทน 24 แห่งซึ่งสามารถเข้าถึงร้านค้าปลีก-ส่งและร้านโชว์ห่วยกว่า 470,000 แห่งทั่วประเทศ

ทั้งนี้  สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของ SPBT จะเดินหน้าดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบภายใต้วิสัยทัศน์ GROWING FOR GOOD เพื่อมุ่งสร้างความยั่งยืนและการเติบโตทางธุรกิจภายในประเทศไทยผ่าน 5 ภารกิจหลัก นั่นคือ 1) การลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ 2) การพัฒนานวัตกรรมเครื่องดื่มใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคและขยายตลาดให้กว้างขึ้น 3) การรุกขยายระบบการกระจายสินค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคในทุกช่องทาง 4) การดำเนินธุรกิจโดยคำนึงผู้บริโภค สังคมและสิ่งแวดล้อม และ 5) การพัฒนาองค์กรและศักยภาพของบุคลากร ”

“ปัจจุบันเครื่องดื่มเป๊ปซี่ถือเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดน้ำดำในบรรจุภัณฑ์แบบไม่ต้องคืนขวด (ทั้งขวดพีอีทีและกระป๋อง) ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่มากกว่า 45%2 และยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกปี เรามั่นใจว่า SPBT จะสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดน้ำอัดลมมูลค่า 50,000 ล้านบาท ได้ในไม่ช้า”