Toggle navigation
วันพุธ ที่ 25 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
ยีเอ็ม-ฟอร์ด-ไครสเลอร์ คืนชีพพลิกฟื้นจากล่มจมสู่ความเฟื่องฟู
ยีเอ็ม-ฟอร์ด-ไครสเลอร์ คืนชีพพลิกฟื้นจากล่มจมสู่ความเฟื่องฟู
วันอังคารที่ 07 มกราคม พ.ศ. 2557
Tweet
บรรยากาศงานเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส... ปีใหม่ในดินแดนแห่งความฝันที่โลกใบนี้รู้จักกันทั่วไปในนาม "สหรัฐอเมริกา" มีแนวโน้มที่จะคึกคักครื้นเครง มากกว่าหลายต่อหลายปีที่ผ่านมา ด้วยแรงขับอันทรงพลังสูงยิ่งจากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ฟื้นตัวกลับคืนสู่ความเป็นปกติสุข
ย้อนรอยถอยกลับไปเมื่อปี 2551...คล้อยหลังการล่มสลายของอาณาจักรการเงินขนาดยักษ์ "เลห์แมนบราเธอร์ส" ในเดือนกันยายนได้ไม่นาน บรรดาค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกันทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3 อภิมหาอำนาจวงการรถยนต์คือ เยนเนอรัลมอเตอร์ (ยีเอ็ม) ฟอร์ดมอเตอร์ และไครสเลอร์คอร์ปอเรชั่น ล้วนตกอยู่ในสภาพ "ยักษ์ลำบาก"
สภาพคล่องทางการเงินขาดมืออย่างหนัก กระทั่งหมดปัญญาที่จะดำเนินกิจการต่อไปได้ และจำเป็นต้องซมซานไปแบมือขอความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาล
รูปแบบการหยิบยื่นความช่วยเหลือทางการเงินของรัฐบาลแก่บรรดาอุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นไปในลักษณะที่บรรดาค่ายรถยนต์ทั้งหลายที่ประสงค์ขอรับการช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาล เป็นฝ่ายออกหุ้นเพิ่มทุนขายแก่รัฐบาล
ในบรรดา 3 ค่ายยักษ์ใหญ่แห่งวงการรถยนต์ มีเพียงค่ายฟอร์ดมอเตอร์เท่านั้นที่สามารถดิ้นรนรอดพ้นจากภาวะขาดสภาพคล่องด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากรัฐบาล
คณะกรรมการของฟอร์ดมอเตอร์ภายใต้อิทธิพลของครอบครัวตระกูลฟอร์ดขณะนั้น ใจกว้างพอที่จะยอมเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกที่ไม่ได้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลฟอร์ด แต่มีขีดความสามารถสูง พอที่จะสร้างความมั่นใจได้ว่าสามารถประคับประคองธุรกิจให้ก้าวข้ามวิกฤติไปได้
นั่นคือที่มาของการ "อุ้ม" อลัน มูลัลลี่ ที่มีบทบาทอย่างสำคัญในการสร้างความโดดเด่น แก่อาณาจักรเครื่องบินโบอิ้ง ให้เข้ามาทำหน้าที่ กอบกู้วิกฤติของฟอร์ดมอเตอร์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยหวังว่าเขาจะสามารถทำได้ดียิ่งกว่าที่ทำให้แก่โบอิ้ง ทั้งๆ ที่รู้แก่ใจดีว่า อลัน มูลัลลี่ มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมรถยนต์เป็น "ศูนย์"
5 ปีผ่านไป ค่ายยีเอ็ม และไครสเลอร์ ภายใต้การอุปถัมภ์ค้ำชูทางการเงินจากรัฐบาล และค่ายฟอร์ดมอเตอร์ ภายใต้บังเหียนของอลัน มูลัลลี่ ได้พลิกฟื้นและหลุดพ้นจากความล่มจม พุ่งทะยานขึ้นสู่ความเฟื่องฟูอย่างเต็มที่อีกครั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่ายยีเอ็ม ได้ซื้อหุ้นทั้งหมดเป็นมูลค่านับแสนล้านดอลลาร์สหรัฐกลับคืนจากรัฐบาลเบ็ดเสร็จเรียบร้อยไปเมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่ "กปปส." ภายใต้การนำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นำมวลมหาประชาชนไทยเคลื่อนขบวน 9 ทัพ กดดันขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์และตระกูลชินวัตร
1 วันหลังการ "ปลดปล่อย" ตัวเองจากความเป็นกิจการในอาณัติของรัฐบาล คณะกรรมการของยีเอ็ม ก็วาด ลวดลายเขย่าวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งโลกด้วยการแต่งตั้ง "แมรี่ บาร์ร่า" สุภาพสตรีเชื้อสายฟินแลนด์วัย 51 ปีให้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แทนที่ "แดน อาเคอร์สัน" ซึ่งขอลาออกจากตำแหน่งไปดูแลภรรยาที่ป่วยเป็นมะเร็ง
การตัดสินใจของคณะกรรมการยีเอ็ม ในการแต่งตั้งแมรี่ บาร์ร่า ต้องถือเป็นความกล้าหาญไม่ต่างไปจากที่คณะกรรมการฟอร์ดมอเตอร์แต่งตั้งอลัน มูลัลลี่ และทำให้เธอคือผู้บริหารสูงสุดคนแรกแห่งวงการอุตสาหกรรม รถยนต์
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่เธอจะได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้กุมบังเหียนสูงสุดของค่ายยีเอ็ม ซึ่งกลับคืนสู่ความเป็นหมายเลข 1 ของอุตสาหกรรมรถยนต์อเมริกาโดยสมบูรณ์แล้ว เธอเคยได้รับยกย่องจากนิตยสารฟอร์บส์ ให้เป็น 1 ในสุภาพสตรีที่ทรงอิทธิพลของโลกเมื่อปี 2555 ขณะที่เธอดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหารด้านการพัฒนาการผลิตการจัดซื้อ และการขนส่ง ของยีเอ็ม
ว่าไปแล้วแมรี่ บาร์ร่า กับยีเอ็ม มีความผูกพันที่ลึกซึ้งต่อกันมายาวนานตั้งแต่รุ่นพ่อ ซึ่งทำงานอยู่กับยีเอ็มต่อเนื่องกันถึง 39 ปี ขณะที่เธอก็เข้าร่วมงานกับยีเอ็มตั้งแต่อายุ 18 ปี ในฐานะพนักงานฝึกหัด และได้มีโอกาสร่ำเรียนจนสำเร็จเป็นวิศวกรไฟฟ้า จากสถาบันยีเอ็ม หรือมหาวิทยาลัยเคทเตอริ่ง ในปัจจุบันนี้
ทางด้านความเคลื่อนไหวของฟอร์ดมอเตอร์ ซึ่งมีผลประกอบการดีวันดีคืน ได้วางแผนรุกหนักในปี 2557 ทั้งในตลาดอเมริกา และตลาดเอเชียแปซิฟิก
อลัน มูลัลลี่ ซีอีโอฟอร์ดมอเตอร์ เตรียมปักหมุดขยายโรงงานในจีนเพิ่มเติมอีก 2 โรงงาน พร้อมกับขยายอัตรากำลังพนักงานเพิ่มเติมอีก 11,000 อัตรา โดยแบ่งเป็นการเพิ่มอัตรากำลังในเอเชีย 6,000 อัตรา เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มเติมอัตรากำลังในอเมริกา จำนวน 5,000 อัตรา เพื่อรองรับการเพิ่มกำลังการผลิต และพัฒนาออกแบบรถยนต์รุ่นใหม่จำนวน 16 รุ่นที่จะเปิดตัวในปี 2557
สำหรับโครงสร้างส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ 5 อันดับแรกของโลก ณ ปัจจุบัน ค่ายโตโยต้า ยังครองแชมป์ความเป็นเจ้าตลาดรถยนต์โลก ด้วยส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 11.3 รองลงมา คือ โฟล์ค ร้อยละ 9.8 อันดับ 3 คือ ยีเอ็ม ร้อยละ 7.6 อันดับ 4 คือฟอร์ดมอเตอร์ ร้อยละ 6.4 และอันดับ 5 ได้แก่ นิสสันมอเตอร์ ร้อยละ 5.6
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ