ชีพจรธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงที่เคยเฟื่องฟูฟู่ฟ่าต่อเนื่องกันมาอย่างน้อย 2 ปี กำลังมีจังหวะการเคลื่อนไหวที่แผ่วลง ตามแรงกระตุ้นที่บางเบา ขณะที่อินเดียมีการเปิดปฏิบัติการกวาดล้างคอร์รัปชั่นแบบเข้มข้น

“เซ็นทาไลน์พร็อพเพอร์ตี้เอเยนซี่” ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการค้าอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกง ยอมรับว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ฮ่องกงได้พุ่งถึงขีดสุดไปแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ด้วยยอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 7,792 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 7,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 229,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2 เท่าของยอดขายเดือนเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว

สถิติยอดจำหน่าย ณ เดือนกรกฎาคมปีนี้ ถือเป็นสถิติสูงที่สุดในรอบระยะเวลากว่า 2 ปีนับจากที่เคยทำสถิติการจำหน่าย 11,358 หน่วยเมื่อเดือนมีนาคม 2555

ตัวเลขการขายอสังหาริมทรัพย์ในรอบเดือนกรกฎาคม ที่สูงเป็นประวัติการณ์ในรอบระยะเวลากว่า 2 ปีเป็นผลมาจากยอดขายของโครงการซิตี้พอยต์ ซึ่งเป็นอาคารพักอาศัย ที่ค่ายเฉิงกงโฮลดิ้งและค่ายหนานฟางดีเวลลอปเมนท์ร่วมกันพัฒนาขึ้น สมทบกับยอดขายโครงการแกรนด์ออสติน ที่ค่ายวีลล็อคแอนด์โก และนิวเวิลด์ดีเวลลอปเมนท์ ร่วมกับค่ายเอ็ม อาร์ทีคอร์ป พัฒนาขึ้น

แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกทำนายทายทักล่วงหน้าไว้ว่าจะชะลอตัวลงหลังจากเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นผลมาจากมาตรการของทางการฮ่องกงที่คุมเข้มธุรกิจนี้มากขึ้น เพื่อลดความร้อนแรงของการเก็งกำไรในธุรกิจนี้ให้ต่ำลง

เหตุผลสำคัญที่สุดที่ทางการฮ่องกง “แตะเบรก” ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คือความวิตกกังวลว่าหากปล่อยให้ธุรกิจนี้ร้อนแรงต่อไป จะส่งผล กระทบต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ และนำมาซึ่งปรากฏการณ์ “ฟองสบู่แตก”

คู่ขนานไปกับความพยายามรักษาความมั่นคงของระบบเศรษฐกิจในฮ่องกง ที่อินเดียก็มีการลงมือปราบปรามกวาดล้างการทุจริตคอร์รัปชั่นครั้งใหญ่ ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีนาเรนดรา โมดิ วัย 64 ปี ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา