‘FamilyMart’ สร้างความต่าง...เติบโตแบบก้าวกระโดด

วันพฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

‘FamilyMart’ สร้างความต่าง...เติบโตแบบก้าวกระโดด


จุดเด่นที่ทำให้คนที่เลือกสนใจอยากลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้อนั้นคือเพราะธุรกิจค้าปลีก ใครๆ หลายคนคงอยากเข้ามาเพราะอยากเรียนรู้หรือพัฒนาตนเองให้มีความสามารถหรือความรู้การทำงานในระดับ professional

จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะคนในสังคมเมืองที่จะต้องใช้ชีวิตเร่งรีบในแต่ละวัน จึงจำเป็นต้องการสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความสะดวกสบายมากขึ้นในเรื่องของความเป็นอยู่อย่างเรื่องอาหารการกิน และของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น ส่งผลให้ ร้านสะดวกซื้อ หรือ คอนวีเนี่ยนสโตร์ในยุคนี้กลายเป็นเสมือนห้างสรรพสินค้าขนาดย่อมที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี 

ปัจจุบันนี้แบรนด์ร้านสะดวกซื้อที่มีอยู่ในบ้านเราให้เห็นติดหู ติดตาคนไทย ก็คงมีอยู่ไม่กี่แบรนด์ และหนึ่งในนั้นมั่นใจเลยว่าคนไทยจำนวนมากคงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีนั่นคือ “แฟมิลี่มาร์ท (FamilyMart) ถ้าเล่าย้อนกลับไปจริงๆ แล้วร้านแฟมิลี่มาร์ทเกิดที่ประเทศอเมริกา แต่ได้มาพัฒนาและโตขึ้นที่ญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ.2518 และได้เข้าสู่เมืองไทยเมื่อปี 2535  ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการพัฒนาและดำเนินกิจการระบบแฟรนไชส์แฟมิลี่มาร์ทในประเทศไทย พร้อมสนับสนุนให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาร่วมลงทุนและเป็นเจ้าของกิจการแบบระบบแฟรนไชส์ที่จัดการง่ายและเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ

โดยเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาทางแฟมิลี่มาร์ท ประเทศญี่ปุ่น ได้ร่วมเซ็นสัญญาในการร่วมทุนกับทางบริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด และเปลี่ยนชื่อใหม่จาก "สยามแฟมิลี่มาร์ท เป็น เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท เพื่อมาบริหารธุรกิจร่วมกันในการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับพัฒนาคุณภาพร้านค้าและสินค้าที่ทันสมัยเพื่อให้บริการผู้บริโภคคนไทยอย่างครบวงจร

โดย คุณ พงศ์ ศกุนตนาค รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท จำกัด ได้กล่าวกับทาง สยามธุรกิจว่า ตนเองมีประสบการณ์การทำงานทางด้านรีเทลมากับในเครือเซ็นทรัล มากว่า 17 ปีแล้ว จนถึงปัจจุบันได้เข้ามาบริหารงานในส่วนของร้านสะดวกซื้อแฟมิลี่มาร์ท อย่างที่ทราบกันว่าทางเซ็นทรัลได้ไปร่วมทุนกับทางบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นในการทำธุรกิจร่วมกัน ซึ่งในตอนแรกในการเริ่มเข้ามาบริหารงานร่วมกันก็ต้องมีการปรับจูนกันในเรื่องของวิธีการบริหารงานของ 2 บริษัทก็คือเซ็นทรัลที่เป็นบริษัทของคนไทยและบริษัท เจเปนแฟมิลี่มาร์ท แฟมิลี่มาร์ท ที่เป็นของคนญี่ปุ่นในการให้บริษัททั้งสองฝ่ายดำเนินธุรกิจไปตามนโยบายที่สอดคล้องกันให้ไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะในเรื่องของการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยในระบบแฟรนไชส์เพราะที่ญี่ปุ่นเองนั้นกว่า 90% ของร้านแฟมมิลี่มาร์ทเป็นระบบแฟรนไชส์ เพราะระบบลักษณะดังกล่าวมีความแข็งแกร่งเป็นจุดแข็งที่ทำให้ร้านสะดวกซื้อของเค้าโตอย่างรวดเร็วและแพร่หลายมาก เนื่องจากร้านแบบนี้เป็นร้านลักษณะเล็ก การใช้ความสามารถการบริหารโดยคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจจะดีมากกว่าแบบระบบจ้างคนมาบริหาร

สำหรับระบบแฟรนไชส์ของแฟมมิลี่มาร์ท แตกต่างจากแฟรนไชส์อื่นยังไงนั้น โดยปัจจุบันธุรกิจแบบแฟรนไชส์มีมากมายหลายรูปแบบให้เลือกซึ่งคนสนใจอยากลงทุนมีทางเลือกเยอะมาก แต่ที่จริงถ้าถามถึงภาพรวมระบบแฟรนไชส์ส่วนใหญ่ก็จะมีระบบคล้ายๆ กัน ดังนั้น มันคงไม่ได้มีแฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้ออย่างเดียวให้เลือก เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราแตกต่างคือเรามีระบบแฟรนไชส์ที่แน่นอน เพราะบริษัทเราเซ็นทรัลกรุ๊ป ได้มาผสานกับโนว์ฮาวด้านแฟรนไชส์ของประเทศญี่ปุ่น ยิ่งให้ทำธุรกิจมีความเข้มแข็งด้านการสร้างเครือข่ายสาขา ทั้งในทำเลที่มีศักยภาพและทำเลที่เป็นพร็อพเพอร์ตี้ในเครือของกลุ่มเซ็นทรัล

“ผมมองว่าจุดเด่นที่ทำให้คนที่เลือกสนใจอยากลงทุนธุรกิจแฟรนไชน์ร้านสะดวกซื้อนั้นคือเพราะธุรกิจค้าปลีกใครๆ หลายคนคงอยากเข้ามาเพราะอยากเรียนรู้หรือพัฒนาตนเองให้มีความสามารถหรือความรู้การทำงานในระดับ professional ที่สามารถเรียนรู้ทัดเทียมกับระบบใหญ่ๆ อย่าง เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตหรือห้างสรรพสินค้า ได้เพียงแค่คุณลงทุนประมาณ 1 ล้านบาท หรือ 2 ล้านบาท แต่คุณสามารถเรียนรู้ธุรกิจให้เป็นหมื่นล้านได้ เพราะจะได้เรียนรู้ทุกอย่างเพราะฉะนั้นสำหรับคนที่อยากเรียนรู้หรืออยากเอาความรู้นี้ไปประกอบอาชีพในอนาคตหรือเอาไปเป็นพื้นฐานของตัวเองผมคิดว่ากับระบบร้านแฟรนไชส์ที่เป็นร้านสะดวกซื้อสามารถตอบโจทย์ได้ทุกอย่างจริงๆ และต่อมาคือเรื่องความไดนามิคของธุรกิจนี้จะสูงที่สุดที่ได้เรียนรู้เพราะว่าเราเป็นด่านสุดท้ายของสินค้าที่จะไปถึงผู้บริโภค โดยเฉพาะสินค้าของกินในร้านคอนวีเนี่ยนมันจะมีความหลากหลายและความยูนีคที่ร้านทั่วไปจะหาไม่ได้ ดังนั้น จุดนี้ทำให้เราได้เรียนรู้ในการพัฒนาสินค้าที่แปลกๆ ใหม่ๆ อยู่เสมอ ส่งผลให้จุดแข็งของที่เราก็คือเราจะร่วมพัฒนาสินค้าไปกับซัพพลายเออร์หรือผู้ผลิตสินค้าให้มาจำหน่ายร้านเราโดยเราจะไม่ผลิตเอง ไม่แย่งแข่งผลิตกับคู่ค้าเพราะฉะนั้นนโยบายการผลิตของเราจะเรียนกว่าโควแบรนด์ถึงแม้จะเป็นสินค้าเหมือนจะเป็นแบรนด์ Family mart แต่ก็จะมีห้อยมาว่าเป็นของใครคือผู้ผลิตให้เราเพราะเราเชื่อว่าลูกค้าอยากเห็นความหลากหลายของแบรนด์มากกว่าเวลาเข้ามาในร้านสะดวกซื้อ” 

ผู้บริหาร กล่าวว่า สำหรับหลักเกณฑ์ในการเลือกคนที่อยากลงทุนทำแฟรนไชน์กับแฟมมิลี่มาร์ท อันดับแรกเน้นดูผู้สนใจลงทุนที่มีความมุ่งมั่น และตั้งใจทำธุรกิจจริง ต้องทำการศึกษาและรู้จักตัวสินค้า โดยจะดูในเรื่องของการพูดคุยสื่อสารในขั้นตอนสัมภาษณ์เป็นจุดสำคัญว่าคนนั้นมีใจและจิตวิญญาณมีความอยากเป็นเจ้าของในการทำธุรกิจนี้จริงๆ และมีใจพร้อมที่จะให้บริการทุกอย่างกับผู้บริโภคในฐานะเจ้าของไม่ใช่แค่ว่ามีเงินเอามาลงทุนได้แล้วก็จบอย่างนั่นก็ไม่ผ่านหลักเกณฑ์ โดยระบบการสมัครเข้ามาเพื่ออยากลงทุนแฟรนไชส์ของเราก็ติดต่อมาทางบริษัท ส่งหลักฐานตามที่กำหนดมาทุกอย่างทุกขั้นกระบวนการไปตามระบบจนถึงสัมภาษณ์ทุกอย่างจะรู้ผลก็ประมาณ 3 เดือน

ปัจจุบันเรามีรูปแบบการลงทุนระบบแฟรนไชส์ให้เลือก 2 แบบ ซึ่งแบบแรกจะเป็นแบบแคนดิเดตมีที่ดินหรือไม่มีที่ดินถ้ามีที่ดินหรือมีตึกของตัวเองก็ติดต่อเข้ามาพูดคุยถ้าผ่านการคัดเลือกต่อไปว่าคุณต้องทำอะไร คุณต้องสร้างร้านเองต้องลงทุนเองหมดภายใต้ระบบของบริษัทซึ่งมีมูลค่าลงทุนสูง กว่าแบบที่ 2 คือ คุณอาจจะไม่มีที่ดินแต่ผ่านการคัดเลือกคุณก็ถือกระเป๋าเงินเข้ามาลงทุนและเลือกสาขาที่ทางเรามีอยู่แล้วที่ยังว่างให้คุณเลือกไปบริหารเป็นเจ้าของเองได้เลย ซึ่งปัจจุบันแฟรนไชส์แบบที่ 2 ได้รับความนิยมมากกว่าแบบที่ 1 และขณะนี้บริษัทเรามีสาขาที่เป็นแฟรนไชส์ประมาณ 160 สาขาแล้ว โดยตั้งเป้าว่าจะขยายสาขาในรูปแบบระบบแฟรนไชส์เพิ่มอีก100 สาขา ให้ได้ภายในปีนี้”    

 

 

 

 

 

 

 

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ