อากาศป่วนสารพัดโรค แนะ 7 ข้อป้องกันก่อนป่วย

วันพฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

อากาศป่วนสารพัดโรค แนะ 7 ข้อป้องกันก่อนป่วย


ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลัน สามวันร้อน สองวันฝน บางทีก็ปนหนาวมาด้วยสลับกันกับหมอกควันมลพิษสะสมในเขตเมืองเป็นระยะๆ ร่างกายปรับความสมดุลไม่ทัน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งชายและหญิงก็ไม่พ้นป่วย ดังนั้น 2 กลุ่มโรคที่ต้องระวังช่วงอากาศเปลี่ยน

นพ. ปุณพงศ์ หาญศิริพันธ์แพทย์เฉพาะทางอายุรศาสตร์ (อนุสาขาอายุรศาสตร์โรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบหายใจ) โรงพยาบาลพญาไท 2(สนามเป้า) แนะนำถึงโรคและอาการเสี่ยงต่อโรคช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ว่า เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน หากร่างกายปรับตัวไม่ทันอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบต่อสุขภาพได้ง่าย จึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งโรคที่พบมาก 2 กลุ่ม ดังนี้ 1 โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรียเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจทำให้อวัยวะติดเชื้อ มีอาการคล้ายหวัดทั่วไป คือ มีไข้ น้ำมูก ไอ เจ็บคอ มีเสมหะ หากรุนแรงขึ้นจะนำไปสู่การติดเชื้อทางเดินหายใจ ไปจนถึงปอดอักเสบหรือปอดติดเชื้อได้ หากมีอาการรุนแรงต้องรีบพบแพทย์ทันที ส่วนคนที่มีโรคทางเดินหายใจอยู่ก่อนแล้ว เช่น โรคหอบ หืด ถุงลมโป่งพอง เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยอาจส่งผลให้อาการกำเริบได้ ให้กินยาแก้แพ้ที่เคยทานอยู่ก่อน หากยังไม่ดีขึ้นควรมาพบแพทย์

2. โรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร เกิดจากเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายผ่านการดื่มน้ำที่ไม่สะอาดและการรับประทานอาหารสุกๆดิบๆ หรืออาหารที่ทิ้งไว้ข้ามคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงอากาศร้อน แบคทีเรียเติบโตได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้อาหารบูดและเสียได้ง่ายทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันอาหารเป็นพิษหรือโรคบิดได้ง่าย หากอุจจาระเหลวและอาเจียนอย่างรุนแรง และหายใจติดขัด ให้รีบพบแพทย์โดยทันที

นพ. แพทย์ กล่าต่อว่า สำหรับการป้องกันการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ ในท่ามกลางภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ซึ่งทุกคนทำได้ #อย่าปล่อยให้ป่วย 1.หมั่นออกกำลังกาย อย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 ครั้งทุกกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายจะช่วยเสริมมวลกระดูก สร้างกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ระบบหัวใจและเลือดไหล เวียนทำงานได้ดี  2 ดื่มน้ำสะอาด และ กินอาหารปรุงสุกใหม่ ไม่ค้างคืน ใช้ช้อนกลางทุกครั้งเมื่อกินอาหารร่วมกับผู้อื่น ทั้งยังช่วยบรรเทาอากาศหวัด และเป็นการเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายของเราด้วย 3. หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือเพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อเป็นการป้องกันเชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย โดยเฉพาะโรคท้องร่วง หรืออาหารเป็นพิษ  4. กินอาหารที่มีประโยชน์ เพิ่มผักผลไม้สดจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรคได้วิตามินและเกลือแร่พบมากในผักผลไม้ ซึ่งบ้านเรามีให้เลือกกินมากมาย ฉะนั้นแล้วอย่าเพลินกับการกินแต่เนื้อสัตว์กับแป้ง

5. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ไม่หักโหมทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อให้ระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกายมีการซ่อมแซมตัวเอง และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นเกราะป้องกันโรคที่ทุกคนทำได้  6. ควรอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงสถานที่มีคนแออัด หากต้องไปในที่สาธารณะ ผู้คนพลุกพล่าน ต้องป้องกันตนเองและผู้อื่นด้วยหน้ากากอนามัย ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ป่วยหรือปกติดี และ 7. ผ่อนคลายอารมณ์ ทิ้งความเครียดไว้นอกบ้านวางความเครียดไว้ที่อื่น จบปัญหาและภารกิจต่างๆ เป็นเรื่องๆ เติมรอยยิ้ม อารมณ์ดี ความร่าเริงแจ่มใส เป็นวิธีป้องกันปัญหาสุขภาพทั้งทางกายและใจเช่นกัน

# # #

Did You Know!

สวมหน้ากากอนามัยช่วยป้องกันได้แค่ใหน ??

หน้ากากอนามัยมีหลายชนิดจะมีแบบที่ปิดหน้าเลย ไม่ให้อากาศเข้าข้างๆได้เลย ซึ่งอันนี้ก็จะดีกว่า แต่ข้อเสียคือใช้ในชีวิตประจำวัน หรือกิจกรรมต่างๆก็จะเหนื่อย แต่หน้ากากที่ใช้กันประจำ ก็จะเป็นหน้ากากผ้าหรือหน้ากากกระดาษ ซึ่งสามารถซื้อได้ทั่วไป

สำหรับการสวมหน้ากากง่ายๆเลยคือ เวลาหายใจ ลมส่วนใหญ่ก็จะผ่านตัวกรองก่อนถึงจมูกเรา ดังนั้นก็ต้องใส่ให้ปิดทั้งแนบทั้งแถบบน (สันจมูก) แถบล่าง (ใต้คาง) เมื่อเราหายใจเมื่อไหร่ลมออกไม่ได้ผ่านกระดาษหรือตัวกรองออกมาด้านข้างหรือเหนือจมูกขึ้นไป อันนี้ก็แสดงว่ามีรู รูอากาศข้างนอกผ่านเข้าไปไม่ผ่านตัวกรอง อันนี้ก็จะไม่ช่วยในการกรอง ดังนั้นก็ต้องใส่ให้ปิดทั้งข้างบนและข้างล่าง และปรับหน้ากากให้เข้ากับใบหน้า อากาศส่วนใหญ่ต้องผ่านทางหน้ากากเท่านั้น และต้องไม่ใช้ซ้ำข้ามวัน 

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ