พลังงานบริสุทธิ์ กางแผนการลงทุนปี 61-62 ใช้งบลงทุนกว่า 2.47 หมื่นล้านบาท เร่งงานสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมโครงการหนุมาน ขนาดกำลังการผลิต 260 MW กำหนด COD ปลายปีนี้ และขยายการลงทุนสายธุรกิจไบโอดีเซล พร้อมดึงพันธมิตรสยายปีกสร้างโรงงานแบตเตอรี่เฟส 1 ผุดสถานีชาร์จรถไฟฟ้าทั่วประเทศ 1,000 แห่ง
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาสร้างนิคมอุตสาหกรรม และกำลังเจรจากับพันธมิตร เช่น การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และเอกชนในพื้นที่มีศักยภาพ คือ ฉะเชิงเทราในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่มีศักยภาพทางโลจิสติกส์สามารถเชื่อมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและลาวโดยเบื้องต้น จะใช้พื้นที่ 1,000 กว่าไร่ คาดว่าจะสามารถสรุปความชัดเจนและสัดส่วนการลงทุนได้ในปีนี้ เพื่อเปิดดำเนินการปี 2562 หากลงทุนเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน จะใช้งบ 1,000 ล้านบาท หากรวมที่ดินใช้งบกว่า 5,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ จะเป็นนิคมฯรองรับที่ตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ เฟส1 และโรงงานใหม่ เพิ่มการผลิตไบโอดีเซลของบริษัทเอง ซึ่งเป็นแผนลงทุนปี 2561-62 และยังไม่ได้สรุปเรื่องการตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่วันนี้ไทยมีโอกาสเป็นฐานการผลิตรถอีวี เพราะมีฐานการผลิตรถยนต์อยู่แล้วและหลายภาคส่วนก็ผลักดัน หวังว่าโรงผลิตแบตฯของบริษัทจะเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่การผลิตแก่รถอีวีที่จะมาตั้งฐานในไทย โดยบริษัทฯกำลังคุยกับพันธมิตรช่วยผลักดันการสร้างรถอีวีต้นแบบและพยายามหาหุ้นส่วนคนไทยก่อน คาดใช้เงินวิจัยและพัฒนาประมาณ 100 ล้านบาท และเห็นรถอีวีต้นแบบทันงานมอเตอร์โชว์ประมาณปลายเดือนมีนาคมนี้ หลังจากนั้นเตรียมพัฒนาสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ โดยร่วมมือหลายพันธมิตรเพราะชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์มีค่อนข้างมาก
นายอมร กล่าวว่า สำหรับแผนปี 2561-62 มีงบลงทุนรวม 24,700 ล้านบาท แหล่งที่มาทั้งเงินกู้ยืม ออกหุ้นกู้ และเงินสดหมุนเวียน แบ่งเป็น 5 ส่วน ได้แก่ 1.สายธุรกิจไบโอดีเซล 2,000 ล้านบาท จะสร้างโรงงานเพิ่มการผลิตไบโอดีเซล เน้นกรีนดีเซล เป็น 1.2 ล้านลิตรต่อวันในปีหน้า จากปัจจุบัน 8 แสนลิตรต่อวัน 2. ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมหนุมาน จ.ชัยภูมิ ขนาด 260 เมกะวัตต์ งบ 17,700 ล้านบาท จะเริ่มจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD)ปลายปีนี้ จากปัจจุบันมีโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมหาดกังหัน ในภาคใต้ 126 เมกะวัตต์ ซึ่งจ่ายไฟได้เต็มในปีนี้ ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์(โซล่าร์ฟาร์ม) มีที่ลำปางและนครสวรรค์ รวมกำลังผลิตเพิ่มเป็น 664 เมกะวัตต์
3.โครงการก่อสร้างโรงงานและผลิตแบตเตอรี่ เฟส 1 ขนาด 1 กิกะวัตต์-ชั่วโมง และโครงสร้างพื้นฐาน รวม 4,000 ล้านบาท สำหรับผลิตแบตเตอรี่ใช้ในโรงไฟฟ้า คาดสร้างเสร็จและเริ่มมีรายได้กลางปี 2562 และเฟส2 จะขยายโรงงานผลิตแบตฯเพิ่มเป็น 50 กิกะวัตต์-ชั่วโมงต่อไป 4.โครงการผลิตและติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ (EV Charging) 700 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ EA Anywhere จะติดตั้งทั่วประเทศให้ครบ 1,000 สถานีภายในปีนี้ และ 5.การวิจัยและพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ในกลุ่มที่เกี่ยวข้อง 300 ล้านบาท
“ตามแผนธุรกิจ จะทำให้สัดส่วนรายได้ปี 2561 มาจากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 65% และธุรกิจไบโอดีเซล 35% จากปี 2560 อยู่ที่ 61% และ 39% ตามลำดับ ส่วนอัตราผลตอบแทนการลงทุนแต่ละโครงการภายใต้งบ 2.47 หมื่นล้านบาท นั้น คาดไม่ต่ำกว่า 18%” นายอมร กล่าว และว่า กำลังเจรจาขยายธุรกิจในอาเซียน คาดลงทุนได้ปี 2562
ในธุรกิจโรงผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์และลมข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ผลประกอบการ EA ปี 2559 มีรายได้รวม 10,439 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,251 ล้านบาท และรวม 3 ไตรมาสปี 2560 มีรายได้รวม 8,766 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,921 ล้านบาท
