“โออิชิ” วางเกมยาวปี 63 ดัน “ธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม” ลีดเดอร์แห่งอาเซียน

วันพุธที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2561

“โออิชิ” วางเกมยาวปี 63 ดัน “ธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม” ลีดเดอร์แห่งอาเซียน


***ปลึ้มกำไรพุ่งปี 60 ตั้งเป้าปี 2563  ผู้นำระดับภูมิภาคอาเซียน***

นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2560 สภาพเศรษฐกิจไทยโดยรวมขยายตัวไม่สูงนักประกอบกับการบริโภคนอกบ้านยังไม่ฟื้นตัวส่งผลต่อสภาพตลาดโดยรวมแต่โออิชิกรุ๊ปสามารถรักษายอดขายได้ในระดับทรงตัวและสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างดีเยี่ยมในปีที่ผ่านมา สำหรับยอดขายในปี 2560(1 ต.ค.2559 – 30 ก.ย.2560)มีรายได้จากการขายรวมทั้งสิ้น13,551ล้านบาทลดลงเล็กน้อยที่ 0.6% จากปีก่อน โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจอาหาร 6,497 ล้านบาท เติบโตทรงตัวจากปีที่ผ่านมา(-0.8%) ส่วนธุรกิจเครื่องดื่มมีรายได้ 7,054 ล้านบาท เติบโตทรงตัวจากปีที่ผ่านมาเช่นกัน (-0.4%) ขณะที่กำไรสุทธิรวมเติบโตขึ้นทั้งสองธุรกิจบริษัทได้ผลกำไรสุทธิรวม 1,443 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.5% จากปีก่อน แบ่งเป็นผลกำไรสุทธิจากธุรกิจอาหาร 210 ล้านบาท เติบโต 76.5% เนื่องจากการปรับกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกและการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพส่วนธุรกิจเครื่องดื่มมีกำไรสุทธิ 1,233 ล้านบาท เติบโต 22.8% จากการสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและการจัดแคมเปญโปรโมชั่นที่โดนใจผู้บริโภค บวกกับการบริหารกำลังการผลิตและการบริหารงบประมาณการตลาดที่มีประสิทธิภาพ

“สำหรับเป้าหมายในปีงบประมาณ 2561โออิชิ มุ่งเน้นรักษาความเป็นผู้นำทั้งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนกลยุทธ์หลักคือ1.Customer Centric การเข้าถึงผู้บริโภค 2.Innovation มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริการและกิจกรรมการ แปลกใหม่ แตกต่าง ด้วยนวัตกรรม3.Digital Transformationการใช้ดิจิตอลขับเคลื่อนธุรกิจ และ4.Continue to Build & Support Brand สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง พัฒนาแบรนด์ให้ทรงพลังและติดตรึงใจผู้บริโภค นอกจากนี้บริษัทยังได้วางนโยบายระยะ 3 ปี (2561-2563)เป็นผู้นำในทั้งประเทศไทยและตลาดอาเซียนในทุกกลุ่มธุรกิจได้แก่ 1.ธุรกิจร้านอาหาร 2.อาหารพร้อมทาน (อาหารแช่งแข็ง)และกลุ่มเครื่องดื่มชาเขียวโดยการขยายทุกกลุ่มธุรกิจไปยังกลุ่มตลาดใหม่ๆ ที่เราได้ตั้งเป้าไว้ " 

***ธุรกิจร้านอาหาร ผุดแบรนด์ใหม่ระดับพรีเมี่ยม สร้างการเติบโต***
 
 

นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารมีมูลค่ารวมประมาณ390,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ2-4%ในจำนวนนี้แบ่งเป็นเชนร้านอาหาร119,000- 122,000 ล้านบาท คิดเป็น 30% โดยเรามองว่าเทรนด์กลุ่มอาหารที่จะเป็นกระแสได้รับความนิยมในปีนี้จะมีอยู่ด้วยกัน 3 กลุ่มได้แก่1.อาหารเพื่อสุขภาพ 2.บริการเดลิเวอรี่ที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในยุคดิจิตอล ทำให้เกิดแพลตฟอร์มการส่งอาหารเพื่อความสะดวกของผู้บริโภคมากขึ้นที่เกิดขึ้นในตลาดเช่น ไลน์แมน ฟู้ดแพนด้า เป็นต้น และ 3.ทางเลือกในการรับประทานอาหารมากขึ้น ในหลายระดับของรายได้ผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นร้านริมทาง ร้านอาหารบริการด่วน และ ในส่วนของร้านหรู  

ดังนั้น ในปีนี้เราจึงเดินหน้าสร้างการเติบโตผ่าน 4 กลยุทธ์หลักอันสอดคล้องกับกลยุทธ์องค์กร ได้แก่(1)Store Expansion มุ่งขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกไลฟ์สไตล์ (2)New Brand Concept เปิดแบรนด์ร้านอาหารรูปแบบใหม่ๆพร้อมมุ่งปรับปรุงภาพลักษณ์และยกระดับสินค้า-บริการ รวมทั้งตราสินค้าต่างๆให้ทันสมัยขึ้น (3)New Innovationพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้โดดเด่นและระบบการให้บริการต่างๆให้ทันสมัยขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป(4)Sustainable Qualityตอกย้ำคุณภาพสินค้าและบริการ

“ปี้นี้บริษัทได้เตรียมงบลงทุนราว 400 ล้านบาท เพื่อเปิดร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นในรูปแบบใหม่ๆ และปรับปรุงสาขาเดิม โดยจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มไม่น้อยกว่า 20สาขา จากปัจจุบันมี 244 สาขา และอีก 200 ล้านบาทจะใช้เพื่อพัฒนานวัตกรรมอาหารพร้อมทั้งนำเสนออาหารเมนูใหม่ๆ เน้นอาหารเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าเจนวาย และโออิชิมีแผนจะเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นแบรนด์ใหม่เพื่อเจาะตลาดไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมี่ยมให้ผู้บริโภคมีอีกหนึ่งทางเลือกรับประทานอาหารที่ได้ทั้งความคุ้มค่าและคุณภาพได้ตามความพึงพอใจในการจ่ายของตนเอง ซึ่งคาดว่าแบรนด์ร้านอาหารใหม่นี้บริษัทจะพัฒนาขึ้นเองมากกว่าการดึงเชนร้านดังจากต่างประเทศมาเปิด”

ทั้งนี้ ปัจจุบันโออิชิมีแบรนด์ร้านอาหารอยู่ 9 แบรนด์ เช่นโออิชิ บุฟเฟต์, ชาบูชิ, โออิชิ ราเมน, โออิชิ เดลิเวอรี่, อีทเทอเรียมและโออิชิแกรนด์ เป็นต้น ซึ่งในจำนวนทั้งหมดนี้เราร้านระดับพรีเมี่ยมเพียงร้าน“โออิชิแกรนด์”ที่เปิดให้บริการเพียง1สาขาเท่านั้น 

*** ลุยจัดหนักทำตลาดอาหารแช่แข็ง เสริมแกร่งธุรกิจอาหาร ***
 

นางกชกร อรรถรังสรรค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจอาหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดอาหารแช่แข็งและ Packaged Food เติบโตอย่างมากโออิชิมองเห็นโอกาสและศักยภาพทางการผลิตที่แข็งแกร่งของโออิชิโดยจากคาดการณ์ในปี 2563 ตลาดอาหารสำเร็จรูปบรรจุห่อของไทยจะเติบโตเป็นอัตรา10% ต่อเนื่องและจะมีขนาดตลาดราว 60,000 ตัน มูลค่าประมาณ14,000 ล้านบาท จากขนาดตลาด50,000ตัน มูลค่าประมาณ9,000 ล้านบาท โดยผู้เล่นเจ้าหลักในตลาดปัจจุบันได้แก่ ซีพี เอสแอนด์พี ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป เป็นต้น

ดังนั้น ปีนี้บริษัทจึงเตรียมแผนรองรับการขยายตัวของตลาดดังกล่าวอย่างหนักมากขึ้นโดยมุ่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมปรุงและพร้อมทานทั้งแบบแช่เย็นและแช่แข็งให้โดดเด่น ทั้งรูปแบบ รสชาติ และบรรจุภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ชีวิตสำเร็จรูปและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ พร้อมขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้เข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมาย ร่วมกับการขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศทั้งภูมิภาคเอเชียและกลุ่มสหภาพยุโรปผ่านการ Synergy กับพันธมิตรกลุ่มธุรกิจในเครือ

“โดยในปีที่ผ่านมาโออิชิมีการเพิ่มทุนในบริษัทย่อยอย่าง “โออิชิ เซอร์วิส” ราว1,000 ล้านบาท เพื่อผลิตอาหารสำเร็จรูป จากปัจจุบันโออิชิ เทรดดิ้งที่ผลิตอาหารสำเร็จรูปทั้งประเภททานเล่น อย่าง เกี๋ยวซ่า ตามมาที่ อาหารว่าง อย่างแซนวิช และอาหารจานหลัก เช่น ราเมน ข้าวหน้าต่างๆ เป็นต้น เพื่อทำตลาดผ่านร้านสะดวกซื้อ ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ต อยู่แล้ว แต่ปีนี้บริษัทเตรียมจะรุกทำตลาดอาหารแช่แข็งอย่างเต็มกำลังเพราะเล็งเห็นว่ากลุ่มธุรกิจอาหารดังกล่าวมีอัตราการเติบโตไปได้ดีอย่างต่อเนื่องตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่แปรเปลี่ยนไปในยุคปัจจุบัน ซึ่งเราคาดว่าธุรกิจกลุ่มนี้จะเข้ามาช่วยผลักดันการเติบโตของรายได้ร่วมทั้ง โออิชิ กรุ๊ป ให้เติบโตเพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคต”

***ธุรกิจเครื่องดื่ม  สยายปีกปักหมุดเบอร์ 1 คลุมตลาดอาเซียน***
 

นางเจษฎากร โคชส์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา โออิชิ กรีนที ประสบความสำเร็จในการทำตลาดเป็นอย่างดี สามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศไทยด้วยส่วนแบ่งการตลาด 46% (ข้อมูลจาก: Nielsen เดือน ม.ค.- ก.ย.60) ซึ่งถือเป็นการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดที่เติบโตแบบแข็งแกร่ง แม้ว่าในปีที่ผ่านมาตลาดชาเขียวเติบโตแบบติดลบ 6% แต่โออิชิเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 5% โดยมาจากแรงส่งทั้งในเรื่องของการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งในแง่ของผลิตภัณฑ์และการตลาดให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะโออิชิ ฟรุตทีหรือชารสผลไม้ที่เข้ามาช่วยขยายฐานการดื่มในกลุ่มวัยรุ่น

ขณะเดียวกันก็มีการทำกิจกรรมการตลาดที่สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่องทั้งซัมเมอร์โปรโมชั่นและแคมเปญโปรโมชั่นทริปเหนือความคาดคิดที่เงินไม่สามารถซื้อได้ อาทิ“โออิชิทริปสุดโอ โกเจแปน ตอนฟินหนาวหนึบกับเป๊ก ผลิตโชค”ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้บริโภควัยทีนและแฟนเลิฟของพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุดของโออิชิ กรีนที เป๊ก ผลิตโชค

ส่วนด้านการจัดจำหน่ายเราใช้การซินเนอร์ยี่ระหว่างบริษัทในเครือไทยเบฟโดยนำเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพเข้ามาช่วยในการกระจายสินค้า โดยเฉพาะในช่องทางขายในรูปแบบเดิมซึ่งเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อยๆนอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการทำตลาดต่างประเทศโดยผสานความร่วมมือ(Collaboration)ระหว่างบริษัทกลุ่มพันธมิตรในเครือ F&N ในด้านการผลิตและการกระจายสินค้าพร้อมเลือกโฟกัสประเทศเป้าหมาย ได้แก่ กัมพูชาลาวยุโรป และ ประเทศ Middle East ฯลฯ 

ปัจจุบันตลาดส่งออกของโออิชิโตมากมียอดขายประมาณ700ล้านบาทหรือสัดส่วน12%และขณะนี้เรายังเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในกัมพูชาอีกด้วย อีกทั้งปีนี้เรามีแผนต้องการเร่งเข้าสู่ตลาดต่างประเทศให้เร็วสุดเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเบอร์1ตลาดน้ำดื่มในอาเซียนภายในปี2563โดยได้มีการตั้งทีมงาน International commercial team รุกตลาดต่างประเทศเต็มที่

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ