กพท.ชวนนักลงทุน ลุยอุตฯ การบินในไทย วาดฝัน 20 ปี รายได้ทะลุ 1.5 ล้านล้าน

วันอังคารที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2561

กพท.ชวนนักลงทุน ลุยอุตฯ การบินในไทย วาดฝัน 20 ปี รายได้ทะลุ 1.5 ล้านล้าน


จากนโยบายและกฎระเบียบด้านการบินของประเทศไทยกำลังจะได้รับการปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมการบิน และผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญในภูมิภาคสำหรับ นักลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนอากาศยานและการซ่อมบำรุงอากาศยาน

ล่าสุด สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนเพื่อส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนอากาศยานและการซ่อมบำรุงอากาศยานในประเทศไทย โดย นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ กพท. เป็นประธานเปิดงานสัมมนาสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน (Market Sounding) เรื่อง แผนการดำเนินงานด้านนโยบาย กฎระเบียบ และมาตรการเพื่อกำหนดปัจจัยความสำเร็จในการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ และผู้ประกอบการที่อยู่ในอุตสาหกรรมการบินทั้งใน และต่างประเทศ

นายจุฬา เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลมียุทธศาสตร์โมเดล “ประเทศไทย 4.0” กำหนดให้อุตสาหกรรมการบิน เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve) และมีนโยบายที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนอากาศยานและการซ่อมบำรุงอากาศยานในภูมิภาค กพท. จึงได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีและบริษัท ฟรอส์ท แอนด์ ซัลลิวัน ศึกษาและวิเคราะห์อุตสาหกรรมเพื่อกำหนดแผนการดำเนินงานด้านนโยบาย กฎระเบียบ รวมทั้งจัดทำมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมดังกล่าว

นายราเมช ตันจะวูรู ที่ปรึกษาจากฟรอส์ท แอนด์ ซัลลิวัน กล่าวว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เป็นภูมิภาคที่อุตสาหกรรมการบินเติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกหันมาสนใจลงทุนในภูมิภาคนี้ นับเป็นโอกาสอันดีสำหรับประเทศไทยที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมการบินของประเทศ โดยปัจจุบันผู้ประกอบการในประเทศไทยมุ่งเน้นที่การซ่อมบำรุงอากาศยานลำตัวกว้างเป็นหลัก แต่ยังขาดแคลนผู้ประกอบการซ่อมบำรุงอากาศยานลำตัวแคบ ส่งผลให้เกิดช่องว่างระหว่างอุปสงค์และอุปทาน โดยเฉพาะการซ่อมบำรุงอุปกรณ์อากาศยานที่มีมูลค่าสูง เช่น ระบบล้อและเบรก (Wheels & Brakes) หน่วยสำรองกำลัง (Auxiliary Power Unit) อุปกรณ์ระบบสาระบันเทิงบนเครื่องบิน (IFE) เชื้อเพลิงและตัวควบคุมเครื่องยนต์ (Engine Fuel & Control) รวมถึงระบบล้อลงจอด (Landing Gear) เป็นต้น

ทั้งนี้ จากผลการศึกษาพบว่าในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะมีรายได้สะสมจากอุตสาหกรรมการซ่อมบำรุงอากาศยานราว 14,500 - 23,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 435,000 – 690,000 ล้านบาท ในขณะที่รายได้สะสมจากอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนอากาศยานจะมีมูลค่าราว 50,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,500,000 ล้านบาท โดยจะสามารถสร้างงานได้มากถึง 24,200 อัตรา เมื่อพิจารณาการผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน พบว่าผู้ผลิตชิ้นส่วน (OEM) ภายในประเทศไทยมีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตในขั้นที่ 3 (Tier 3) และขั้นที่ 4 (Tier 4) ซึ่งประเทศไทยยังมีโอกาสอีกมากที่จะพัฒนาในอุตสาหกรรมนี้ นอกจากนี้บริษัทผู้ผลิตในขั้นที่ 2 (Tier 2) ยังมองว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจในการจ้างผลิตอีกด้วย

โดย นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เห็นความสำคัญกับผลการศึกษาที่ต้องการให้รัฐบาลมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงในสามประเด็นสำคัญเพื่อวางแนวทางการพัฒนาด้านการบินระดับประเทศ ประเด็นแรกคือการริเริ่มและพัฒนานโยบายและมาตรการด้านการบินที่สนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมการบิน ประเด็นต่อมาคือการเพิ่มประสิทธิผลขององค์กรหรือหน่วยงาน โดยการปรับปรุงและแก้ไขกฎระเบียบข้อบังคับให้มีความซับซ้อนน้อยลง มีความชัดเจนและเข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น และประเด็นสุดท้ายคือการส่งเสริมอุตสาหกรรมการบินผ่านทางสิทธิประโยชน์ แรงจูงใจ และโครงการสนับสนุน ทางการเงิน เพื่อส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมโดยรวมภายในประเทศ

สำหรับการสัมมนาครั้งนี้เป็นการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ ต่อแผนการดำเนินงานด้านนโยบาย กฎระเบียบ และมาตรการเพื่อกำหนดปัจจัยความสำเร็จในการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย จากนั้นจะนำความคิดเห็นที่ได้ไปปรับปรุงมาตรการต่างๆ ก่อนที่จะผลักดันไปสู่หน่วยงานที่รับผิดชอบต่อไป



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ