“แอมเวย์” มั่นใจกระแสดิจิทัลซัดธุรกิจขายตรงรั้งท้าย พร้อมปรับขยายซื้อขายผ่านออนไลน์ดันยอด

วันอังคารที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2560

“แอมเวย์” มั่นใจกระแสดิจิทัลซัดธุรกิจขายตรงรั้งท้าย  พร้อมปรับขยายซื้อขายผ่านออนไลน์ดันยอด


"แอมเวย์" ปล่อยหมัดเด็ดไตรมาสสุดท้าย “เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ กลุ่มสุขภาพและความงาม การจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย ปรับตัวเพิ่มช่องทางซื้อขายออนไลน์ กระตุ้นยอดโค้งสุดท้ายสิ้นปีทะลุ 18,000 ล้านบาท โตไม่ต่ำกว่า 5% แน่นอน เตรียมก้าวสู่ปี 2561 อย่างมั่นคง ด้วย 3 กลยุทธ์หลัก เผยเตรียมเปิดตัวนวัตกรรมเพื่อสุขภาพความงาม 3 กลุ่มในไตรมาสแรกปีหน้า 

นายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้ว่ากระแสโลกปัจจุบันขณะนี้จะเข้าสู่โลกของยุคดิจิทัลออนไลน์ ซึ่งส่งผลให้หลายธุรกิจอุตสาหกรรมต่างได้รับผลกระทบกับแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของธุรกิจ รีเทล ธนาคาร จนไปถึงแม้กระทั่งธุรกิจสื่อต่างๆ เป็นต้น โดยเฉพาะยิ่งในเรื่องธุรกิจสินค้าสุขภาพความงามที่มีสินค้าผลิตออกมาแข่งขันกันมากบนโลกออนไลน์ ซึ่งสำหรับในมุมมองของเรามองว่าในส่วนอุตสาหกรรมธุรกิจขายตรงก็ถือว่าได้รับผลกระทบเช่นกันจากกระแสดิจิทัลออนไลน์ 

“เราเองในฐานะบริษัทขายตรงที่มีระบบแบบแผนการทำธุรกิจที่ชัดเจน และมีสินค้าที่มีคุณภาพจับตลาดพรีเมี่ยมอาจจะไม่ได้รับผลกระทบกับสถานการณ์นี้เท่าไหร่นักถ้าเทียบกับสินค้าในตลาดแมส เนื่องจากสินค้าของเราเป็นสินค้าที่มาราคาสูง ซึ่งถ้านำสินค้าไปจำหน่ายผ่านออนไลน์ โดยที่ผู้บริโภคต้องเสียเงินจำนวนมากโดยยังไม่ทราบสินค้าเป็นอย่างไร ปลอดภัย น่าเชื่อถือหรือไม่ ผู้บริโภคโดยส่วนใหญ่คงไม่กล้าที่จะตัดสินค้าในซื้อสินค้าขายในราคาที่สูงผ่านออนไลน์ ก็ยังคงมั่นใจในการซื้อผ่านตัวแม่ทีมหรือตัวแทนมากกว่า เพราะอย่างน้อยมีความคุ้นเคย อีกทั้งตัวแทนสามารถแนะนำบอกถึงข้อดีข้อเสีย และรับผิดชอบ พร้อมบริการหลังการขายได้ดีกว่าขายซื้อขายสินค้าความงามผ่านระบบออนไลน์ทั่วไป ดังนั้น เรายังเชื่อมั่นว่าธุรกิจขายตรงจะเป็นธุรกิจท้ายๆ ที่จะได้รับผลกระทบจากกระแสออนไลน์”

แต่อย่างไรก็ตาม ทางธุรกิจขายตรงแอมเวย์ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะไปดำเนินธุรกิจไปให้ทันกระแสโลก แต่เราก็ พร้อมที่จะศึกษาการทำตลาดแบบออนไลน์ควบคู่ไปด้วย พร้อมกับเน้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในด้านนวัตกรรมที่ล้ำ และเหนือชั้น แตกต่างจากคู่แข่งในตลาดเพื่อเป็นการรักษาฐานสมาชิกและลูกค้าให้มีความเชื่อมั่นในแบรนด์ สินค้า ว่าไม่ว่าจะไปใช่สินค้าตัวอื่นหรือแบรนด์อื่น ก็ไม่มีสินค้าหรือแบรนด์ใดเหมือนผลิตภัณฑ์ของแอมเวย์ และในเรื่องของการบริการมั่นใจว่าธุรกิจขายสินค้าผ่านออนไลน์คงทำได้ไม่ดีเท่าธุรกิจในรูปแบบขายตรง

ล่าสุด ในช่วงสิ้นปีของ 2016 นี้ จะเข้าสู่ปีใหม่ บริษัทได้นำกลยุทธ์หลักเพื่อผลักดันการเติบโตช่วงโค้งสุดท้ายได้แก่ 1) เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แอมเวย์ยังคงโฟกัสที่กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม โดยผลิตภัณฑ์เรือธงยังคงเป็นโปรแกรมควบคุมน้ำหนักเฉพาะบุคคล ‘บอดี้คีย์ บาย นิวทริไลท์’ ซึ่งได้มีการเปิดตัวรูปแบบใหม่ที่มาพร้อม InBody Watch นาฬิกาเพื่อสุขภาพแนวใหม่ ใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชั่น BodyKey 2.0 ปรับปรุงใหม่ ให้ผู้ใช้สนุกกับการลดน้ำหนักมากขึ้น โดยบอดี้คีย์ชุดใหม่จำหน่ายไปแล้วกว่า 18,000 ชุด ยอดดาวน์โหลดแอพฯ กว่า 38,000 ครั้ง ทั้งยังเปิดตัวแคมเปญ ‘เปลี่ยนให้สุด แล้วหยุดโยโย่’ ต่อยอดดูแลผู้ที่ลดน้ำหนักประสบความสำเร็จแล้วไม่ต้องเผชิญกับปัญหา โยโย่ เอฟเฟกต์ ด้วยวิดีโอออนไลน์ 3 ชุด แสดงนำโดยโก๊ะตี๋ และในกลุ่มของอาร์ทิสทรี มีการเปิดตัว ‘อาร์ทิสทรี อินเท็นซีฟ สกินแคร์ แอดวานซ์ วิตามินซี + เอชเอ ทรีทเมนท์’ รวมถึงเปิดตัวแคมเปญ ‘อาร์ทิสทรี ไฮดร้า-วี ซีรัม ผิวสดด้วยวิตามินสด’ เพื่อขยายการรับรู้แบรนด์อาร์ทิสทรีในกลุ่มคนออนไลน์และคนวัยทำงาน

2) จัดรายการส่งเสริมการขายเพิ่มยอดซื้อผลิตภัณฑ์กลุ่มควบคุมน้ำหนัก ได้แก่ บอดี้คีย์ นิวทริไลท์ ซีแอลเอ 500 นิวทริไลท์ แคลโลว์ และนิวทริไลท์ กรีน-ที พลัส ซึ่งคาดว่าปีนี้ผลิตภัณฑ์กลุ่มควบคุมน้ำหนักจะเติบโตกว่า 2,500 ล้านบาท

3) แอมเวย์นำเครื่องมือทางดิจิทัลมาใช้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้ายุคโซเชียลเนื่องจากโลกกำลังเปลี่ยนถ่ายสู่ยุคดิจิทัลแอมเวย์ก็ต้องปรับตัวเช่นกัน จึงได้ตั้งทีมดิจิทัลขึ้นมาใหม่เพื่อรับผิดชอบการขยายงานในส่วนนี้โดยเฉพาะ ในการที่เราต้องการให้ช่องทางออนไลน์เป็นส่วนหนึ่งในช่องทางให้ลูกค้าสามารสั่งซื้อสินค้าของเราได้สะดวกรวดเร็วและง่ายดายได้ขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการซื้อ-ขายผลิตภัณฑ์ผ่าน amwayshopping.com และแอพพลิเคชั่น I’m Smart คาดว่าสิ้นปีนี้จะมียอดการสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์กว่า 1,700 ล้านบาท หรือประมาณ 10% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนผู้ลงทะเบียนประมาณ 210,000 คน คิดเป็นนักธุรกิจแอมเวย์และสมาชิก 47% บุคคลทั่วไป 53%

ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดดังกล่าวทำให้มั่นใจว่าสิ้นปี 2560 แอมเวย์จะเติบโตทะลุ 18,000 ล้านบาทแน่นอน หรือเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 5% มากกว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมขายตรงทั้งหมดที่ปีนี้คาดว่าจะโตประมาณ 2-3 % โดยผลิตภัณฑ์ที่สร้างยอดรายได้โตสุดในบริษัทคือหมวดสุขภาพความงาม (นิวทริไลท์, อาร์ทิสทรี) ประมาณ 70%  และอื่นๆ อีก 30%

สำหรับในปีหน้าแอมเวย์ตั้งเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้วางกลยุทธ์หลัก 3 ข้อเพื่อสร้างการเติบโตของนักธุรกิจแอมเวย์ ดังนี้ 1) Grow Buyers ส่งเสริมให้การดำเนินธุรกิจของนักธุรกิจแอมเวย์เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการเพิ่มจำนวนเครือข่ายผู้ซื้อสินค้าให้มากขึ้น และเกิดการซื้อซ้ำต่อเนื่อง 2) Build Young Leaders ให้แอมเวย์เป็นทางเลือกสำหรับคนรุ่นใหม่อายุต่ำกว่า 35 ปี ที่ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ และมอบประสบการณ์การดำเนินธุรกิจที่ทันสมัยในรูปแบบต่างๆ ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ เชื่อมต่อเครื่องมือดิจิทัลและโซเชียลมีเดียเพื่อช่วยให้ดำเนินธุรกิจได้สะดวกยิ่งขึ้น และ 3) Leader Growth Solutions (LGS) สนับสนุนนักธุรกิจแอมเวย์ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกด้านธุรกิจของแต่ละ สายงาน เพื่อนำเสนอโซลูชั่นให้ผู้นำนักธุรกิจแอมเวย์สามารถดำเนินธุรกิจขององค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยในปี 2561 แอมเวย์เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ในไตรมาสแรกอีกประมาณ 3 กลุ่มที่จะรุกทำตลาด ได้แก่ สุขภาพและความงาม และเครื่องกรองน้ำ กรองอากาศ เป็นต้น



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ