นางวราวรรณ จันทรสมบูรณ์ รองผู้อำนวยการแผนกคอนซูเมอร์ บริษัท มุนดิฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ “เบตาดีน” กล่าวว่า ปัจจุบันแบรนด์เบตาดีนมีผลิตภัณฑ์อยู่ 3 กลุ่ม คือ 1. ทำความสะอาดรักษาบาดแผล 2. ดูแลสุขภาพ กับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเพื่อสุขอนามัย “เบตาดีน เนเชอรัล ดีเฟนส์” สำหรับทุกคนในครอบครัว และ 3. ดูแลช่องปากและลำคอ ซึ่งอยู่ในกลุ่มสินค้าประเภทคอนซูเมอร์โปรดักต์ ทำรายได้ 80% และอีก 20% มาจากเวชภัณฑ์เฉพาะโรค
สำหรับภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากและลำคอ เป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงมากในเกือบทุกประเทศ ทั้งนี้สำหรับในประเทศไทยนั้น ตลาดกลุ่มนี้นับว่ามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี มีมูลค่า 750 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. ลูกอม 398 ล้านบาท ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาตกลงต่อเนื่อง 11% เหตุลูกค้าหันมาใช้สเปรย์แทนมากขึ้น 2. สเปรย์ มีมูลค่า 352 ล้านบาท โต 17% ต่อเนื่องในรอบ 3 ปี โดยในกลุ่มสเปรย์มีผู้เล่นในตลาด 5 ราย ผู้นำมีส่วนแบ่งกว่า 80% เบตาดีนมั่นใจว่าปีแรกจะมีส่วนแบ่ง 20% หรืออันดับ 2 ของตลาด
ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัว เบตาดีน® โทรตสเปรย์ สเปรย์พ่นปากลดอาการอักเสบบริเวณช่องปากและลำคอ และ เบตาดีน® การ์เกิล ยาน้ำใช้บ้วนปาก ที่มีจุดขายด้านการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์อันเป็นสาเหตุหลักของอาการเจ็บคอ มีจุดขายด้านการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์อันเป็นสาเหตุหลักของอาการเจ็บคอ ราคาเริ่มต้น 155 บาท สามารถใช้ได้ทั้งครอบครัว ผู้ใหญ่ และเด็ก 6 ขวบขึ้นไป ภายใต้งบการตลาด 70 ล้านบาท โดยใช้ทั้ง Above the line และ Below the Line ไม่ว่าจะเป็นสื่อโทรทัศน์, สื่อดิจิทัลมีเดีย ฯลฯ เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภคไปสู่ในวงกว้าง รวมไปถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับอาการเจ็บคอ แนวทางการรักษาแก่กลุ่มเภสัชกรและผู้ช่วยเภสัชกรในร้านขายยา ปัจจุบันมีจำหน่ายทางร้านขายยาแล้ว 50% จาก 10,000 ร้านทั่วประเทศ และกำลังเข้าสู่ช่องทางโรงพยาบาล โดยบริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดที่ 20% ในปี 2561
อย่างไรก็ตาม ปีหน้าบริษัทตั้งเป้าโตเท่าตัว หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 800 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนในการจะออกพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง หรืออย่างน้อยอีก 2 รายการในปีหน้า เนื่องจากบริษัทได้วางงบการลงทุนด้านการตลาดปีละไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่ปี 2560 นี้เป็นต้นไปจากการที่เข้ามารุกเพิ่มสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดเพื่อต้องการดันยอดให้เป็นไปตามเป้าที่บริษัทวางไว้